พระสมเด็จน้ำตาล (พระผงครูฝึก) องค์ดารา หนังสืออภินิหารสะท้านไตรภพ หลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต (ปกเขียวเล่มครู) *ที่สุดของความหายาก

พระสมเด็จน้ำตาล (เนื้อผงครูฝึก) องค์ดาราหนังสืออภินิหารสะท้านไตรภพ เล่ม๑ ปกเขียว

พระสมเด็จเนื้อผงสีน้ำตาลอ่อนๆ จนถึงเข้มนี้เรียกสมเด็จน้ำตาล หรือเรียกว่า “สมเด็จเนื้อผงครูฝึก” ด้วยเหตุว่าพระรุ่นนี้ ท่านอาจารย์นำเอาผงวิเศษที่ได้จาก อาจารย์ในดง ซึ่งเป็นผงที่ครูฝึกของท่านเขียนเอง ลบเอง ผงที่ว่านี้ครูฝึกผู้เป็นเลิศ ทางฤทธิ์ทุกองค์ เมื่อมีเวลาว่างท่านไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยโดยไร้ค่า ครูฝึกบางท่าน ชอบเขียนผงลบผง การภาวนาเขียนผงลบผงนี้ถือเป็นการภาวนาอย่างหนึ่งเช่นกัน ครูฝึกที่ชอบเขียนผงความจริงมีหลายท่าน แต่ขอกล่าวถึงเพียง ๒ ท่าน ด้วยผง ที่นำมาสร้างพระชุดนี้ ท่านอาจารย์ใต้ผงหลักๆ มาจาก 5 ท่านนี้คือ

ท่านอาจารย์เจ้า ท่านเป็นผู้สนใจในว่านยา และไสยศาสตร์มาตั้งแต่ย่างเข้า วัยหนุ่ม ออกเรียนวิชาทั้งอาบว่านยา ลงอักขรยันต์ในพระองค์มากมายหลายอาจารย์ ภายหลังได้พบหลวงตาจึงฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชา ซึ่งจะยังไม่ขอกล่าวถึง รายละเอียดในส่วนนี้ สำหรับท่านอาจารย์เจ้านี้ถือเป็นครูฝึกที่ท่านอาจารย์ ให้ความเคารพมาก เคารพรองจากหลวงตาดำ กับหลวงปู่เทพโลกอุดรเลยทีเดียว เป็นครูฝึกที่มีอิทธิฤทธิ์ทั้งพลังจิตแก่กล้ามาก ท่านอาจารย์เจ้าชอบแบผงเขียนผง ท่านอาจารย์เคยกล่าวถึงไว้ว่า “ผงวิเศษที่ท่านอาจารย์เจ้าเขียนไว้ใน ผงจำนวนมาก เมื่อลบเสร็จท่านก็ทิ้งไว้อย่างนั้น ภายหลังเมื่อท่านอาจารย์เข้าในดง ท่านได้ขอผงนี้ติดตัวออกมาด้วย เพราะผงเหล่านี้เป็นของวิเศษมีคุณนานาประการ แต่ท่านอาจารย์เจ้าท่านเห็นเป็นเพียงการฝึกจิตเท่านั้น จึงทิ้งกองไว้ไม่สนใจใยดี

หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า องค์นี้เป็นอาจารย์ของ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง, หลวงพ่อกบ วัดเขาสาลิกา, หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด ท่านชอบก่อกองไฟเอาไว้ตลอดเวลา ประการแรกเป็นคติธรรม อีกประการเพื่อให้แสงสว่างเวลาท่านลบผง เพราะเมื่อใด มีเวลาว่างท่านจะจับกระดานขึ้นเขียนผงลบผง ท่านไม่เคยปล่อยเวลาให้เปล่า ประโยชน์เลย ทำให้ผงที่ท่านลบไว้มีจำนวนมากอยู่ทั่วไปในถ้ำของท่าน ผงนี้มีสีเทา คล้ายสีขี้เถ้ามีมากมาย จึงเป็นที่มาของชื่อ “ขรัวขี้เถ้า” ผงของท่านขรัวขี้เถ้านี้ทาง กำบังพรางตา แคล้วคลาดสูงมาก ท่านอาจารย์ได้นำมาผสมทำพระผงครูฝึกนี้ด้วย

ความจริงแล้วผงต่างๆ ของอาจารย์ในดงนี้มีจำนวนมาก ด้วยเหล่าครูฝึก ท่านเขียนผงลบผงเหล่านี้มาเป็นเวลายาวนาน ท่านอาจารย์เล่าว่าผงที่ครูฝึกลบไว้นี้ มีจำนวนมากเป็นกองพูนคล้ายกองทรายย่อมๆ คราวใดท่านอาจารย์เข้าดงก็จะขอ ผงวิเศษเหล่านี้ออกมา ด้วยท่านอาจารย์ทราบดีว่า ผงเหล่านี้เมื่ออยู่ในดงเป็นของไร้ค่า เป็นของธรรมดาในสายตาครูฝึกผู้ทรงฤทธิ์ แต่ผงนี้เปี่ยมล้นด้วยพลังอันวิเศษพิสดาร จะหาผงใดเปรียบเทียบได้ยาก ต่อมาผงเหล่านี้มีจำนวนมากพอควร ท่านอาจารย์ จึงดำริสร้างพระสมเด็จขึ้นจากผงวิเศษ ซึ่งได้มาจากครูฝึกอันได้รวบรวมสะสมไว้ ดังกล่าวนี้

พระสมเด็จรุ่นนี้เป็นของดีของหายาก ท่านอาจารย์ทำเองเกือบทุกขั้นตอน ความจริงพระผงรุ่นนี้เกี่ยวข้องสืบเนื่องมาจาก พระสมเด็จท่านอาจารย์เจ้า ที่ท่านอาจารย์เคยขอออกมาจากในดงเพื่อแจกศิษย์ แต่ภายหลังศิษย์ทำไม่เหมาะสมต่างๆ พระของท่านอาจารย์เจ้าเกิดหนีกลับเข้าในดงหมด พระที่เคยได้รับมาเหลือเพียงองค์เดียว ภายหลังท่านอาจารย์กลับเข้าในดงอีกครั้ง เพื่อขอผงจากท่านอาจารย์เจ้า รวมถึงผงครูบาอาจารย์ในดงออกมาจำนวนหนึ่ง ท่านจึงดำริสร้างพระรุ่นนี้ โดยนำข้าวสารดำที่เหลือจากสร้างพระ อีกทั้งแร่อุกาบาต ของอาถรรพ์จากในดงสถานที่ฝึก ตลอดจนของอาถรรพ์ที่ท่านไปพบเจอในป่าลึก มาผสมกับหัวว่านตลอดจนต้นสมุนไพรใบยาต่างๆ สังเกตได้จากเนื้อพระบางองค์ เมื่อส่องดูเนื้อพระจะแลเห็นเม็ดข้าวสารดำอยู่ประปราย หากสังเกตให้ดี เม็ดข้าวสารดำนี้จะมีคราบสีขาวๆ จับอยู่บนผิว ซึ่งคราบขาวๆ จากการปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญเข้าใจว่าอาจเกิดจากเชื้อราที่ขึ้นบนข้าวสารดำ พระบางองค์จะเห็น เม็ดแร่สีดำเงา เป็นแร่ที่ตำหยาบๆ ผสมปะปนอยู่ในเนื้อพระ พระบางองค์อาจมี สีเข้มสีอ่อนแตกต่างกันไปได้บ้าง

พระสมเด็จน้ำตาลนี้เป็นพระยุคกลางสร้างราวปี พ.ศ. ๒๕๑๐ โดยสร้างจากแม่พิมพ์ไม้ ซึ่งในภายหลังแม่พิมพ์ไม้อันนี้ ถูกนำไปถอดพิมพ์เพิ่ม เพื่อสร้างพระสมเด็จรุ่นสุดท้ายปี พ.ศ.๒๕๒๙ โดยพระสมเด็จน้ำตาล กับ พระสมเด็จรุ่นสุดท้าย มีช่วงเวลาการสร้างที่ห่างกันถึง ๑๙ ปี ด้วยเหตุนี้พระทั้งสองรุ่นจึงมีเนื้อหามวลสาร ตลอดจนความแห้งที่เป็นตัวบ่งบอก ถึงความเก่า และอายุการสร้างที่ต่างกัน ผู้ที่มีความชำนาญสามารถแยกแยะพระทั้งสองรุ่นได้

พระสมเด็จน้ำตาลนี้สร้างทำแบบโบราณทุกขั้นตอน เหมือนกับพระทุกรุ่นของท่านอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ ที่สร้างทำ เป็นการภายใน การผสมเนื้อพระก็ทำกันโดยไม่มีการคำนวณใดๆ กดพิมพ์ด้วยมือโดยไม่พึ่งพาเครื่องมือสมัยใหม่ สำหรับแม่พิมพ์พระสมเด็จน้ำตาลนี้เป็นแม่พิมพ์โบราณแกะขึ้นจากไม้ดังที่กล่าวในข้างต้น เดิมที่มีแม่พิมพ์พระเพียงอันเดียว ซึ่งการกดพิมพ์พระด้วยมือทำให้น้ำหนักการกดหนัก - เบาไม่เท่ากัน ส่งผลให้พระที่พิมพ์ออกมามีความแตกต่างกัน พระติดพิมพ์ตื้น ลึกต่างกัน จนบางครั้งอาจดูเหมือนคนละพิมพ์กัน ทั้งนี้ในเวลาต่อมาเมื่อมีการสร้าง พระสมเด็จรุ่นสุดท้ายในปี พ.ศ๒๕๒๙ ก็ยังคงใช้แม่พิมพ์ของพระสมเด็จน้ำตาลอันเดิม ทว่ามีการนำมาถอดพิมพ์ เพิ่มด้วยยางพิมพ์ฟัน เพื่อให้มีจำนวนแม่พิมพ์พระเพิ่มขึ้น เจตนาเพื่อพิมพ์พระให้ได้จำนวนมากขึ้นนั้นเอง

พุทธคุณพระสมเด็จน้ำตาล (เนื้อผงครูฝึก) พระพิมพ์นี้มีความสำคัญเนื่องจากมีผงครูบาอาจารย์อยู่มาก ทำให้พระรุ่นนี้มีพุทธคุณสูงมากเมื่อได้รับการปลุกเสก

โดยท่านอาจารย์ ทำให้พระรุ่นนี้ดีเลิศทางคุ้มครองป้องกัน สามารถอธิษฐานทำน้ำมนต์ หรืออธิษฐานบอกกล่าวช่วยเหลือ ได้ตามแต่วาสนา บูชากับตนสามารถแสดงนิมิตทายทักผู้บูชาได้ เชื่อว่ามีผลทางกำบังพรางตาสูง ผลมาจากดวงจิต ครูบาอาจารย์อยู่ในพระรุ่นนี้สูงมาก เมื่อติดตัวไปห้ามนำพาพระเข้าที่ “อโคจร” สถานบริการ ห้ามแขวนพระ ไปกินเหล้าเมายา ไปทำชั่วผิดศีลธรรมจะส่งผลร้ายทันที การที่ได้ครอบครองของวิเศษ ผู้ครอบครองก็ต้องทำตน ให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน พระรุ่นนี้แจกเฉพาะผู้ที่ท่านอาจารย์พิจารณาแล้วเท่านั้น ถือเป็นวัตถุมงคลสูงค่าพิเศษ ที่ศิษย์ต่างเสาะหากันมาก

#บทความจากหนังสืออภินิหารสะท้านไตรภพ เล่ม๑ ปกเขียว

@@@ สุดยอดพระสมเด็จ@@@
บทความโดย สุริยัน ราชา

"พระผงที่ได้ชื่อว่าหายากมากที่สุด แบบหนึ่งของหลวงพ่ออภิชิโต
เป็นของที่ หาแสนยาก ใช้ดีมาก ฤทธิ์แรงดังเพลิง รักษายากดังลม

ศิษย์ของท่านหวงแหนกว่าสมเด็จแดง ที่ว่าดีเยี่ยม-หายากนักหนา

สร้างไว้หลักสิบองค์ ท่านแจกให้เฉพาะศิษย์ครอบครูของท่านเท่านั้น เนื้อหาออกน้ำตาลชัดเจน ใช้ผงและของจากในดงผสมกับว่านและผงของ"ท่านเจ้า"ครูฝึกในดงจอมอาคมและต้นตำรับบู๊ "กรมพระยาบวรวิไชยชาญ" พระรุ่นนี้ศิษย์บางคนก็ไม่ได้รับไว้เพราะท่านไม่มอบให้ หากไปเจอวางที่ใหนก็เก็บมาได้เลย น้ำหนักเบามากผิดปกติจากพระทั่วไป แต่แกร่งและเก่ากว่าพระสมเด็จรุ่นสุดท้ายมาก

พระสมเด็จรุ่นนี้เป็นดั่งแก้วสารพัดนึกครับ ผู้ที่ครอบครองบูชานั้นหากผิดศีลผิดธรรมพระท่านจะเสด็จหนีไปเฉยๆครับ ดังนั้นคนชั่วมิอาจมีและครอบครองได้ครับ"

•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
สมัยที่หลวงพ่อยังอยู่ พระพิมพ์นี้หลวงพ่อจะมอบให้เฉพาะผู้ที่พิจารณาแล้วเท่านั้น เพราะมีดวงจิตของครูบาอาจารย์อยู่ในสมเด็จน้ำตาลอยู่มาก หากทำตนให้เหมาะสมอยู่ในศีลในธรรม ครูบาอาจารย์จะช่วยส่งเสริมตามบุญวาสนาหากทำตนไม่เหมาะสมก็จะส่งผลในทางลบเพื่อตักเตือน จนสุดท้ายหากหมดบุญวาสนากันแล้ว พระสมเด็จรุ่นนี้ก็จะไปอยู่กับผู้ที่เหมาะสมต่อไป
.
ปัจจุบันนี้พระพิมพ์นี้พบเจอน้อยมาก และที่สวยสมบูรณ์ชัดเจนเช่นนี้ ก็หายากมาก เคยมีคนกล่าวไว้ว่า ถ้าไม่มีพระสมเด็จวัดระฆัง ให้ใช้พระสมเด็จน้ำตาลแทนได้เลย นับเป็นสุดยอดพระสมเด็จของหลวงพ่อชาญณรงค์อีกรุ่นหนึ่งที่ผู้มีบุญวาสนามากพอ ก็จะได้ครอบครองไว้เกื้อหนุนชีวิตให้มีแต่ความเจริญทางโลกและทางธรรมยิ่งๆขึ้นไป

#เพจนะพุทธคุณ