ตะกรุดลูกกลอง หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย

หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัยท่านเป็นผู้สร้าง 1ใน9 เครื่องรางของเมืองไทยนั่นคือตะกรุดพิสมรวัดพวงมาลัย จากโคลงลอนว่า หมากดีที่วัดหนัง เบี้ยขลังวัดนายโรง ไม้ครูคู่วัดอินทร์ มีดบินวัดหนองโพธิ์ พิสมรวัดพวงมาลัย ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง ราหูคู่วัดศรีษะทอง เเหวนอักขระวัดหนองบัว ลูกเเร่ที่วัดบางไผ่ ฤทธิ์เหลือร้ายหาใดปาน ทุกสิ่งล้วนเป็นมงคล ทั่วทุกคนควรค้นหา ติดกายยามยาตรา ภัยมิกล้ามาแผ้วพานฯ ตะกรุดลูกกลอง หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ซึ่งเป็นตะกรุดเครื่องรางยอดนิยมของท่านเช่นกัน นอกจากนี้ยังถือว่าเป็น “ต้นตำหรับตะกรุดใบลาน อันดับ 1 ของเมืองไทย” ตะกรุดลูกกลองดอกนี้ลงรัก มองเห็นความเก่าชัดเจน การสร้างตะกรุด ของ หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ท่านจะใช้ใบลานเป็นหลักในการทำ และต้องนำมาจากต้นตาลที่อยู่ปากคลองบางปืนเท่านั้น (ปัจจุบัน บ้านบางปืน อยู่ที่หมู่ 6 ต.นางตะเคียน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม) โดยใบลานที่ทำตะกรุดต้องเป็นยอดใบลานเดือน 5 เป็นใบลานอ่อนตากแห้งม้วนไม่แตก สาเหตุที่ต้องใช้ ใบลานปากคลองบางปืน หลวงพ่อแก้ว บอกว่า เพราะชื่อ "บางปืน" ที่กร่อนเป็น "บังปืน" ให้ความหมายในการข่มนาม ใช้ชื่อในการสะกดลงอักขระเลขยันต์ เพื่อให้เทวดาฟ้าดินได้รับรู้ว่า ของของท่านใช้ดีทางไหน เป็นเคล็ดลับของการลงเครื่องรางของขลังประการหนึ่ง คือ การข่มนามแจ้งเทพ ต้นตาลที่ว่านี้ จะขึ้นโดดเดี่ยวกลางทุ่งบ้านบางปืน สมัยก่อนการเดินทางลำบาก ไม่ง่ายเหมือนปัจจุบัน เมื่อท่านสั่งให้ลูกศิษย์เดินทางไปตัดใบลานจากบ้านบางปืน มักมีผู้ถามหลวงพ่อแก้วว่า "ทำไมถึงต้องไปเอาไกลขนาดนั้น"หลวงพ่อแก้วตอบว่า"อยากได้ของดีก็ต้องไปเอา ไกลแค่ไหนถ้าไม่ไป ก็ไม่ได้ของดี" เมื่อได้ใบลานมาแล้ว ท่านจะตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดประมาณ 5-6 นิ้ว แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้ง แล้วนำมาลงอักขระบนใบลาน ด้วยตัวขอม อ่านได้ว่า "ภู ภิ ภู ภะ"(หัวใจเสือสมิง) ล้อมรอบด้วยตัว "มิ" ไว้ตรงกลาง ประกอบด้วยอักขระหนุนตามสมควรฤกษ์ยาม ตอนที่ท่านทำตะกรุดลูกกลอง เล่ากันว่าในตอนแรกเสียงนกร้องทั่วป่า พอท่านเริ่มบริกรรมคาถาและเริ่มเขียนอักขระ เสียงก็จะเงียบสงัด จนท่านลงอักขระครบถ้วนถึงจะกลับมาส่งเสียงเหมือนเดิม หลวงพ่อแก้วบอกว่าฤกษ์ยามดังกล่าวนี้เป็นฤกษ์มหาอุต ตะกรุดท่านม้วนถักทอด้วยด้ายสายสิญจน์ ลงรักหรือยางไม้บางชนิดกันสึกเร็ว ปลุกเสกอย่างเข้มขลัง พุทธคุณโดดเด่นด้านแคล้วคลาดคงกระพัน กันคุณไสย กันมีดกันปืนดีนักแล สำหรับคาถาในการอาราธนาตะกรุดใบลานบังปืน ให้ตั้งนะโม 3 จบ เอาตะกรุดจบที่หน้าผาก แล้วว่าคาถาดังนี้ "ภูภิ ภูภะ อะมิ อุทถัง อัดโธ นะโมพุทธายะ" เมื่อคาดเข้าติดตัว ให้ว่าคาถาเวลาผูกปมเชือก ดังนี้ "ภูภิ ภูภะ อะมิ มิมังกายะพัทธนัง อธิษฐานมิ" ที่มาชื่อของตะกรุดลูกกลองนั้น เพราะลักษณะดอกยาว ป้อมอ้วนเหมือนกลองเพล มีทั้งถักด้ายสายสิญจน์ลงรักและแบบที่ไม่ถักด้ายสายสิญจน์ เป็นใบลานเปล่าๆ ลงอักขระแล้ว ม้วนและปิดทองเก่าพบเห็นได้น้อยมาก เรียกว่า ตะกรุดใบลาน ส่วนตะกรุดลูกเล็กๆ เเบนๆ จะเรียกว่า ตะกรุดพิสมร ซึ่งมีคำกล่าวว่า “พิศมรคัดถอดไม่ได้” หมายถึง ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถทำลายคาถาาคมที่หลวงพ่อแก้วเสกไว้ออกจากตะกรุดของท่าน