ต้องตรวจสอบพระ และ ตกลงเงื่อนไขการรับประกัน ให้เรียบร้อย
หากไม่เคยติดต่อ หรือรู้จักผู้ให้เช่ามาก่อน
แนะนำให้นัดดูองค์จริง
๑ ผ้่ายันต์หนุมานเชิญธง หลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง(๑) ๑
ผ้ายันต์หนุมานเชิญธง หลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง หลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง พระอริยะเจ้าที่มีประวัติลึกลับ เชื่อกันว่าท่านเป็นศิษย์นอกดง ครูบาอาจารย์ของท่านเชื่อว่า เป็นหลวงปู่โลกอุดร สมัยท่านเป็นเด็ก ท่านอยู่ลพบุรี มีเชื้อสายมอญ บิดามารดามีลูกหลายคน ตัวท่านเป็นลูกคนเล็ก ตอนเช้าวันหนึ่ง มีพระธุดงค์ผ่านมาแล้วมาบิณฑบาตที่หน้าบ้านท่าน พระรูปนี้มีรูปร่างแปลกผิดมนุษย์ธรรมดา คือสูงใหญ่มาก แต่ทว่าหน้าตาดูผ่องใสเหมือนคนหนุ่ม แต่ผมขาวโพลนทั้งศีรษะ เป็นพระที่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา มาปักกลดอยู่3-4วัน สมัยหลวงพ่อยียังเป็นเด็กอายุประมาณ 5-6ขวบ ท่านเห็นพระรูปนี้คล้ายกับถูกชะตา เช้ามาท่านตามบิดามารดาของท่านไปใส่บาตรกับพระรูปนี้ พอเสร็จก็เดินจูงมือท่านไปไปที่กลด พระท่านก็ให้ความเมตตาเอ็นดู ก่อนที่พระธุดงค์รูปนั้นจะจากไป ท่านก็ขอหลวงพ่อยีกับโยมพ่อโยมแม่ บิดามารดาของหลวงพ่อยีท่านก็ยกให้ แต่พระธุดงค์ท่านบอกว่า ตอนนี้ยังเล็กไป เมื่อถึงเวลาเหมาะสมท่านจะมารับ เวลาผ่านไป หลวงพ่อยีท่านเติบใหญ่ เริ่มเป็นหนุ่ม พระธุดงค์องค์นี้ก็ได้กลับมาขอหลวงพ่อยีกลับไป ท่านก็ได้พาหลวงพ่อยีไปแล้วสอนวิชาอยู่ในถ้ำ วันหนึ่งจะขึ้นครูสอนวิชาคาถาอาคม วันนี้หลวงพ่อยีท่านเล่าว่า วันนั้นมีพระภิกษุและฆราวาสหลายคนอยู่ในพิธีนั้น ประมาณสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนมีเจตนาอยากจะร่ำเรียนวิชาลึกลับอาถรรพ์จากพระอริยะเจ้ารูปนี้ เมื่อลูกศิษย์มาพร้อมหน้ากัน พระอาจารย์บอกแก่ลูกศิษย์ว่า "ก่อนอื่น ต้องมีของขึ้นครูก่อน จะว่าหาง่ายก็ง่าย จะว่าหายากก็ยาก แต่เป็นของมีค่า พวกเจ้าพอจะให้ได้มั๊ย?" พวกศิษย์ทุกคนต่างก็ตอบว่า "ได้ ถ้าของพวกนั้นอยู่กับตน ยอมที่จะถวายให้อาจารย์ถ้าทำได้" พระอาจารย์ก็โยนมีดให้พวกศิษย์ "ใครอยากจะได้เรียนวิชานี้ ของขึ้นครูคือปลายจมูก เนื้อที่ปลายจมูกของแต่ละบุคคล" เมื่อถึงเวลา ไม่มีศิษย์คนใดกล้าที่จะเอามีดเฉือนปลายจมูกของตนเลย มีหลวงพ่อยีนั้นที่เล็กสุดท่านเห็นว่าทุกคนเงียบหมดต่างถอยออกมา ท่านก็เขยิบเข้าไปหยิบมีดขึ้นมาแล้วพูดว่า "ถ้าอาจารย์ปรารถนาจะได้ปลายจมูกของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอถวายปลายจมูกนี้เป็นเครื่องบูชาครู" พอสิ้นเสียง ท่านก็เอามีดเฉือนปลายจมูกของตนทันที ปลายจมูกท่านขาดเลือดไหลออกมา พลางท่านเอาปลายจมูกนั้นถวายอาจารย์ หลวงปู่โลกอุดรท่านเห็นดังนั้น ท่านก็หัวเราะชอบใจ ท่านบอกว่า "ท่านทั้งหลายที่อยู่ ณ ที่นี้ ขอเชิญ ท่านกลับไปยังอาวาส สถานที่ของท่านเถิด บุญวาสนาในการเรียนวิชาของท่านมีกับเราแค่นี้ ขอท่านกลับไปได้แล้ว ขณะนี้อาตมาได้ลูกศิษย์ที่ถ่ายทอดวิชาแล้ว" เสร็จแล้วท่านได้กล่าวประกาศิตขึ้นมาว่า"จากนี้แต่นี้เป็นต้นไป ไอ้หน้าบากคนนี้(หมายถึงหลวงพ่อยี) จะเป็นผู้สืบทอดพระศาสนา ทำให้พระศาสนาเป็นที่ขจรขจายช่วยเกื้อหนุน ช่วยเหลือพระศาสนาทะนุบำรุงจนสิ้นอายุขัย เป็นที่น่าชื่นใจยิ่งนัก" แล้วท่านก็เรียกหลวงพ่อยีเข้าไปใกล้ ๆ ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อยีท่านได้เอามือกดจมูกซึ่งเลือดไหลโกรก แต่ก็นั่งนิ่งฟังอาจารย์ หลวงปู่โลกอุดรท่านเรียกหลวงพ่อยีเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเอามือของท่านกดที่แผลแล้วเป่า เป็นที่อัศจรรย์ พอท่านเป่าเท่านั้นแหละ แผลที่เหวะหวะนั้นได้หายทันทีเป็นปลิดทิ้ง เหลือเพียงรอยแผลแดง ๆ ให้เห็นว่าเป็นรอยเนื้อที่หายไป และเป็นรอยแผลเป็นที่จมูกของท่านจนถึงวันมรณภาพว่าปลายจมกของท่านถูกเฉือนไป จากนั้นท่านก็ได้เรียนวิชาอภินิหารมากมายจากหลวงปู่โลกอุดร หลวงพ่อยีสมัยเมื่อท่านเรียนจบ หลวงปู่โลกอุดรท่านได้ส่งหลวงพ่อยีกลับมาในเมือง ท่านบอกว่าเวลาเหมาะสมแล้ว ท่านจะติดตามหาหลวงพ่อยีเอง หลวงพ่อยีท่านก็หลับตานั้งสมาธิ พอลืมตาท่านก็มาโผล่ในเมืองเป็นที่อัศจรรย์ แล้วท่านก็ใช้ชีวิตฆราวาส เป็นอาจารย์สักยันต์ เป็นหมอไสยศาสตร์ ช่วยเหลือปัดเป่า เป็นหมอน้ำมนต์ไล่คุณไล่ของต่าง ๆ รักษากวาดคอเด็ก เป็นแพทย์แผนโบราณรักษาคน ช่วยเหลือคนร่ำไป ท่านเดินเท้ารักษาคนไปเรื่อย พอท่านเดินทางมาถึงพิษณุโลก ท่านก็รักษาคนมามากแล้ว ท่านช่วยเหลือคนและเป็นอาจารย์สักยันต์ที่มีชื่อเสียงมาก จนท่านชราภาพ ตัวท่านขณะที่เป็นฆราวาส ก็เป็นฆราวาสที่มีฤทธิ์มาก ท่านเคยแสดงฤทธิ์ถึงขั้นว่า ท่านเอารางข้าวหมูมาเสกให้เป็นหมู แล้วเจ๊กก็มาซื้อรางข้าวหมูที่เป็นหมูที่ท่านเสก แล้วเอากลับไป พอซื้อกลับไปก็เอาไปปล่อยไว้ในเล้า รุ่งเข้าอีกวัน กลายเป็นรางข้าวหมูในเล้ามีสองอัน เป็นอย่างนี้ถึงสองครั้งสองครา บางครั้งท่านก็แปลงใบไม้ให้กลายเป็นแบงค์ นำไปใช้ซื้อของ ซึ่งท่านก็ทำแกล้วเป็นบางคน ถึงเวลาท่านก็ชดใช้คืนเค้า เป็นการลองวิชาคล้ายกับว่าท่านร้อนวิชา แล้วท่านก็กินเหล้าเมายาทำให้เหมือนคนบ้าใบ้ แต่เป็นคนขลัง จนวันหนึ่งคนในตระกูลตะละภัฏ ได้มาพบท่านและบวชให้ท่าน และท่านได้มีเจตนารมณ์ว่าจะสร้างวัดบนที่ดินของท่าน แล้วคนในตระกูลตะละภัฏ ได้ได้ช่วยท่านสร้างวัดสร้างความเจริญแก่ท่านทุกอย่าง และดูแลท่านจนท่านถึงแก่กาลมรณภาพ เมื่อท่านมรณภาพท่านก็มรณภาพที่บ้านของตระกูลตะละภัฏ ช่วงที่ท่านต้องอธิกรท่านก็มาอยู่ที่บ้านตระกูลตะละภัฏ เป็นที่แปลกอย่างหนึ่งคือ ตอนที่ท่านมรณภาพสภาพร่างของท่านแปรเปลี่ยน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ หมอได้เอ็กซ์เรย์ปอดว่าท่านเป็นมะเร็งปอด มันกินปอดของท่านจนไม่เหลือแล้ว เอ็กซ์เรย์ออกมามีแต่ขั้วปอด แต่เนื้อปอดไม่มีแล้ว หมอก็ทึ่งมากว่าท่านมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ท่านบอกว่า"ถ้าเป็นคนอื่น ขาดใจตายไปนานแล้ว" ท่านบอกว่าไม่มีส่วนใดในร่างกายที่ไม่เจ็บปวด แต่ท่านอดทนรอ ท่านบอกว่าเป็นกรรม รอให้ถึงเวลาที่ท่านจะไปท่านถึงจะไป ก่อนที่ท่านจะมรณภาพท่านรอให้ลูกหลานของตระกูลตะละภัฏมากันจนครบท่านถึงสิ้นใจ เมื่อท่านสิ้นใจแล้วหน้าของท่านจากคนที่ผอมสูงแก้มตอบ หน้าท่านเปลี่ยนกลายเป็นหน้ารูปไข่กลม มีผมขาวโพลน ลูกหลานในตระกูลตะละภัฏทุกคนยืนยันว่าหน้าของท่านเหมือนกับรูปของหลวงปู่โลกอุดรที่นั่งห้อยขาไม่มีผิด คือเป็นหน้าเดียวกัน ลูกศิษย์ลูกหาจึงได้รู้กันว่า ปริศนาธรรมที่ท่านพูดมาตลอดชีวิตของท่านว่า ตัวท่านเป็นเพียงคนนำส่ง คือของของท่านที่ท่านเสก ท่านบอกว่าอาจารย์ของท่านเป็นผู้ทำ แต่ท่านเป็นสื่อกลางมาส่งให้แก่ลูกศิษย์ทั้งหลายให้ได้รับอีกที แล้วอาจารย์ของท่านคือ หลวงปู่โลกอุดรนี่เอง อย่างผ้ายันต์ของท่านมีอภินิหารทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผ้ายันต์พรหมสี่หน้า ผ้ายันต์หนุมาน ผ้ายันต์องค์พระที่มีรูปหลวงพ่อ ผ้ายันต์ของท่านที่ดูคล้ายเป็นผ้าสกรีนจากโรงงาน แต่ผ้านี้มีอภินิหารคือ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดได้เห็นว่าผ้ายันต์ต่าง ๆ มีฤทธิ์แตกต่างกันไป อย่างผ้ายันต์หนุมานนี่ ในคราวที่นายทหารพิษณุโลก พิจิตรมาขอของขลังท่าน ท่านรักและสงสารทหารหาญพวกนี้เป็นอันมาก ซึ่งทหารที่อยู่แถบชาติตระการ ภูหินร่องกล้า เพชรบูรณ์ ที่ต้องรบกับพวก ผกค. ท่านว่าไปรบกับเขา ถ้าให้ชนะต้องใช้หนุมาน เพราะหนุมานรบกับใครก็ไม่แพ้ ตายยาก เป็นลูกพระพาย ว่าแล้วท่านก็ให้ลูกศิษย์ลูกหาไปจัดเตรียมกันมาให้หาผ้าขาวตัดเย็บ ประมาณผ้าเช็ดหน้า กว้างคืบยาวคืบโดยประมาณ จำนวนเท่าใดก็เอามา แล้วท่านจะทำผ้ายันต์ให้ จะทำเป็นรูปอะไรท่านก็ไม่พูดถึง ท่านบอกว่าให้ไปทำผ้ามาก่อน เมื่อได้ทำผ้ามาเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านได้นำผ้ามาผืนหนึ่ง ท่านเอามือปิดผ้าผืนนั้น แล้วก็เสกอยู่ครู่หนึ่ง ท่านเอามือตบ ดังปัง!!! พอเปิดมือออกมา ผ้าขาวผืนนั้นมียันต์หนุมานเชิญธงที่ผ้านั้น ผ้ายันต์หนุมานผืนนั้น เป็นลายเดียวกันกับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันตรงที่ยันต์ของหลวงพ่อรุ่งวัดท่ากระบือ เป็นยันต์สีน้ำเงิน ส่วนของหลวงพ่อยีเป็นสีเขียวสีแดง ผ้ายันต์ชนิดนี้เมื่อได้ตัวผ้ายันต์ครูจากการเสกตบมา ท่านให้ลูกศิษย์ แล้วก็ให้ลูกศิษย์ที่อาวุโสที่สุดในสถานที่นั้นเอาไปวางไว้บนกองผ้า แล้วเอาผ้าขาวคลุมทับไว้ แล้วยืนภาวนาคาถาตามที่ท่านบอก พอเสร็จท่านสั่งให้ตบไปที่กองผ้านั้น ลูกศิษย์ท่านนั้นก็ตบ พอครบสามครั้ง ท่านก็ให้ลูกศิษย์นำผ้าจากในกองมาดู ผ้าตั้งแต่ผืนแรกยันผืนสุดท้ายของกองนั้นทั้งหมด ติดเป็นผ้ายันต์หนุมานเชิญธงชัดเจนเท่ากันเหมือนออกมาจากแท่นพิมพ์แท่นสกรีนเดียวกันเลยไม่มีผิดเพี้ยน แล้วท่านก็เอามาเสกเป่าชั่วครู่ แล้วก็แจก ท่านบอกว่าผ้ายันต์นี้เค้าดีอยู่ในตัวอยู่แล้ว ท่านบอกว่าครูบาอาจารย์ของท่านเสกมาแล้ว ก็เป็นที่อัศจรรย์ว่าท่านสำเร็จธาตุ สำเร็จนะปัดตลอด สำเร็จจิตขั้นสูง คือสามารถแปรสภาวะธาตุและสามารถสอดแทรกอนูของธาตุให้สอดแทรกทะลุผ่านมาได้ เป็นนะปัดตลอด คือตัวท่านไม่จำเป็นต้องตบ ให้คนอื่นตบก็ได้ เพียงแต่ท่านใช้จิตกำกับอยู่ใกล้ ๆเอง ถือเป็นของดีของหายาก ผ้ายันต์หนุมานนี้น่าจะทำไม่เกินสองคราว เป็นผ้ายันต์เขียวกับผ้ายันต์แดงเท่านั้น ผ้ายันต์นี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาพที่ผุพังอยู่ในสภาพที่ไม่ดี เนื่องจากผู้ที่ได้ไปส่วนใหญ่จะอารธนาพกติดตัวนำไปใช้ ทำให้สภาพผุพังตามกาลเวลา ผ้ายันต์นี้เป็นของหายากในชุดของหลวงพ่อยี จะหาของแท้ ๆ ซักผืน ยากมาก ไม่ว่าจะเป็นผ้ายันต์พระพรหม ผ้ายันต์พระพุทธนิมิตแล้วเป็นรูปท่านอยู่ด้านบน ก็พอจะหาได้ แต่ผ้ายันต์หนุมาน ผ้ายันต์พรหมสี่หน้านี้หายาก แล้วผ้ายันต์หนุมานชุดนี้ เป็นผ้ายันต์ที่มีปั๊มตราวัด เป็นที่แน่นอนเลยว่าสร้างในสมัยท่านแน่ๆ ก็ไม่ใช่ของหลวงพ่อรุ่งหรืออาจารย์อื่นใด และอยู่ในสภาพดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ผจญอันตราย หรือข้าราชการที่ต้องอาสาเจ้านายออกทำการต่าง ๆ ควรมีไว้ เชื่อว่าหนุมานในแผ่นดินไทยนี้ ผ้ายันต์หนุมานหลวงพ่อยีก็ไม่เป็นสองรองใครในแผ่นดินอย่างแน่นอน
o หากมีบัญชี Facebook สามารถใช้ในการสมัครสมาชิกได้
o กรอกอีเมล/เบอร์โทรศัพท์ และรหัสผ่านที่ใช้เข้า Facebook
o กด “ตกลง” ก็จะเป็นสมาชิกเว็บไซด์พระพันธุ์ทิพย์ดอทคอม ได้ทันที
o ใส่ชื่ออีเมล และ รหัสผ่าน และ กดตกลง
o เข้าไปที่อีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้ ตรวจสอบอีเมลจาก prapantip@gmail.com เมื่อรับอีเมลแล้วให้กดที่ลิงค์ที่อยู่ในอีเมล เพื่อเข้าระบบ (บางครั้งอีเมล อาจไม่ได้อยู่ที่ Inbox กรุณาตรวจสอบที่ Junk Mail)
o ในครั้งต่อไป สามารถเข้าระบบ โดยกรอกอีเมล และ รหัสผ่าน ที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้
ต้อง เห็นรายละเอียดชัดเจน ทุกด้าน ทั้งองค์
ควร ลงรูปทุกด้าน (หน้า หลัง ด้านข้าง ด้านบน ด้านล่าง)
ห้าม ลงรูปไม่คมชัด ไม่ละเอียด เบลอ
ห้าม วางพระเครื่อง รวมหลายๆ องค์ ในภาพเดียว
ห้าม ลงรูปพระไม่ซ้ำกันใน 1 ประกาศ
สิ่งสำคัญ: ห้ามลงพระซ้ำกับพระที่เคยลงประกาศไปแล้ว และยังแสดงอยู่ในหน้าเว็บไซด์
สินค้าที่ห้ามลงประกาศ: ชุดพระในคอ, งานทำบุญ , ข่าวพระเครื่อง, โฆษณาร้านพระ, ใบรับประกันร้านพระ, ข่าวสารพระเครื่อง, งานประกวด หรือ สินค้าอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง หากพบว่าลงพระไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามประเภท หรือ ลงสินค้าที่ไม่เกี่ยวข้อง ทางเว็บไซด์พระพันธุ์ทิพย์ดอทคอม ขอสงวนสิทธิ์ในการลบรายการพระนั้นๆ ออก โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
อ่านเพิ่มเติมที่ ลงรูปพระเครื่องแบบไหน ที่ทำให้คนเข้าชมเยอะ
- ประเภทพระ (เลือกประเภทพระ 1 รายการ) ดูรายละเอียดประเภทพระ
- ชื่อพระ
- ราคา (เฉพาะตัวเลขเท่านั้น)
- รายละเอียดพระ
- รูปพระ (ลงรูปพระได้ 1-5 รูป)
- รูปถ่ายบัตรประชาชน+หน้าสมุดบัญชีธนาคาร 1 รูป
- พื้นที่/จังหวัด
- ผู้ขาย (ชื่อ/นามสกุล)
- เบอร์โทรศัพท์ (เฉพาะตัวเลขเท่านั้น)
- Line id
สถานะ | รายละเอียด |
---|---|
รอตรวจสอบ | อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล |
ไม่ผ่านการตรวจสอบ | เนื่องจาก ภาพไม่ชัด / ข้อมูลไม่ครบ /ผิดเงื่อนไข (เช่น ลงพระซ้ำ) เมื่อไม่ ผ่านการตรวจสอบจะลบประกาศออกทันที หากต้องการแก้ไขหรือเพิ่มเติมให้ลงใหม่เท่านั้น |
กำลังใช้งาน | พระแสดงหน้าเว็บไซด์แล้ว จนถึงวันที่ ..../...../..... |