ต้องตรวจสอบพระ และ ตกลงเงื่อนไขการรับประกัน ให้เรียบร้อย
หากไม่เคยติดต่อ หรือรู้จักผู้ให้เช่ามาก่อน
แนะนำให้นัดดูองค์จริง
หนุมาน หลวงพ่อสุ่น พิมพ์หน้าโขน วัดศาลากุน
"หลวง พ่อสุ่น ถือได้ว่าเป็นต้นตำนานการสร้าง "หนุมาน" ที่ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพคุ้มครองป้องกันภัย เมตตามหานิยม ปรากฏเเก่ผู้ที่ครอบครองบูชา" หลวงพ่อสุ่น จันทโชติ วัดศาลากุน พระเกจิชื่อดังมีวิทยาอาคมผู้เข้มขลังของจังหวัดนนทบุรี ซึ่งน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก โดยเฉพาะบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่อง เหรียญคณาจารย์ และเครื่องรางรุ่นเก่าๆ ในแวดวงนักสะสมเครื่องรางของขลัง มักจะพูดกันติดปาก คล้องจองกันว่า เสือหลวงพ่อปานหนุมานหลวงพ่อสุ่น แสดงถึงความเก่งกล้าสามารถในการปลุกเสกเครื่องรางของขลังแต่ละชนิด ของแต่ละพระเกจิอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญคาถาอาคมไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นเรื่อง หนุมาน ของพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าต้องยกให้ หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี เกาะเกร็ด เดิมทีไม่ได้เป็นเกาะ เป็นแผ่นดินที่ยื่นออกไปเหมือนแหลมจากพื้นแผ่นดินของอำเภอปากเกร็ด ที่แม่น้ำเจ้าพระยาไหลอ้อมผ่านไปชื่อเดิมคือ บ้านแหลม ในสมัยแผ่นดิน พระเจ้าท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยา เห็นว่าหากขุดคลองลัดตรงบ้านแหลมแล้ว ระยะทางจะสั้น เรือจะสัญจรไปมาได้สะดวก จึงโปรดให้ขุดคลองลัด เมื่อพ.ศ.๒๒๖๕ เรียกว่า คลองลัดเกร็ดน้อย โดยมีความกว้างเพียง ๖ วา เท่านั้น ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศ เซาะตลิ่งทำให้คลองขยาย แผ่นดินตรงแหลมจึงกลายเป็นเกาะ เลยเรียกชื่อแผ่นดินที่ถูกคลองขุดตัดขาดจากแผ่นดินใหญ่นี้ว่า เกาะศาลากุน ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ระบุในโฉนดชื่อว่า เกาะศาลากุน ตามชื่อ วัดศาลากุน ที่สร้างโดย เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (กุน) ตั้งแต่สมัยธนบุรี ต่อมาเมื่อตั้ง อ.ปากเกร็ด จึงเรียกเป็น เกาะเกร็ด วัดศาลากุน ตั้งอยู่เกือบกลางเกาะเกร็ด ท้องที่หมู่ ๓ บ้านเกาะศาลากุน การเดินทางไปยังวัดนี้ ถ้าหากข้ามเรือที่ท่าวัดกลางเกร็ด เมื่อขึ้นที่ท่าเกาะเกร็ด จะมีถนนไปถึงวัดนี้ได้ ระยะทางประมาณ ๑,๔๐๐ เมตร กล่าวกันว่าวัดนี้เป็นวัดเก่าเช่นกัน เดิมตั้งอยู่ริมแม่น้ำ เนื่องจากดินริมแม่น้ำงอกขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันนี้จึงอยู่เกือบกลางเกาะเกร็ด โบราณสถานของวัดล้วนสร้างขึ้นใหม่ คืออุโบสถลักษณะทรงโบราณ ๒ ชั้น ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ เจดีย์และกุฏิสงฆ์ และยังมีโบราณวัตถุเก่า เช่น โต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่ประดับมุก เครื่องแก้วเจียระไน และหีบศพประดับมุก "ขุนกระบี่วานร ฤทธิเกริกไกร หนึ่งในสยาม" เป็นสมญานามที่คนในวงการพระเครื่องตั้งให้กับ หนุมาน หลวงปู่สุ่น นับเป็นสุดยอดของขลังหนึ่งในชุดเบญจภาคี เครื่องรางของขลังของวงการ นักสะสมใฝ่หาไว้มาครอบครองบูชาไม่แพ้ เขี้ยวเสือแกะ หลวงพ่อปาน โดยเฉพาะนักสะสมรุ่นใหม่ไฟแรง แพงไม่ว่า ขอให้แท้เป็นทุ่มเข้าสู้ทันที หลวงพ่อสุ่น เรียนวิชาปลุกเสกหนุมาน จากพระนาคทัศน์ คาถาหนุมานคาถากำกับหนุมานให้ว่า "นะมัง เพลิง โมมังปากกระบอก ยะมิให้ออก อุดธังโธอุด ธังอัด อะสังวิสุโรปุสะพูพะ มะอะอุ โอมยะพุทธา ทะโยสตรี สตรี นิสังโห" อย่างไรตาม มีเรื่องเล่าว่า ในยุคสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ โดย คณะราษฎร ซึ่งนำโดย พ.อ.พระยาพหลพลหยุหเสนา กับคณะทหารและพลเรือนที่อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "คณะปฏิวัติ" ในครั้งนั้นท่านได้ไปหาหลวงพ่อสุ่น ทั้งนี้หลวงพ่อสุ่นให้หนุมานหน้าโขนมาตัวหนึ่งโดยให้พกติดตัว พร้อมกับบอกในลักษณะที่ว่า ผ่านไปสักพักเรื่องเลวร้ายก็ผ่านไปด้วยดี ในที่สุดก็เป็นอย่างที่หลวงพ่อสุ่นพูด ภายหลัง พ.อ.พระยาพหลพลหยุหเสนา นำเรือที่เป็นพาหนะส่วนตัวถวายหวงพ่อสุ่น ปัจจุบันนี้ยังปรากฏว่ามีอยู่ จากนั้นพุทธคุณของหนุมานหลวงพ่อสุ่นก็เป็นที่ร่ำรือว่ามีพุทธคุณเด่นทางคง กระพันชาตรี แคล้วคลาด สำหรับจำนวนการสร้างหนุมานหลวงพ่อสุ่นนั้น ลุงด้วง สุขทอง (เกิด พ.ศ.๒๔๖๑) บุตรชายของ นายปลิว สุขทอง อดีตมัคทายกวัดศาลากุน ซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกับหลวงพ่อสุ่น ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างหนุมานของหลวงพ่อสุ่นว่า หนุมานแกะจากไม้รากไม้รัก-ไม้รากพุดซ้อน และ งาช้างขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ช่างแกะชื่อ นายมี ไม่ทราบนามสกุล แกะเป็นรูปหนุมานทรงเครื่อง และไม่ทรงเครื่อง ตัวไม่ใหญ่โตมากนัก กว้างประมาณครึ่งนิ้ว สูงประมาณ ๑ นิ้วเศษ โดยมีการสร้างครั้งใหญ่ๆ อยู่ ๒ ครั้ง คือ ครั้งแรกสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๘ จำนวนการสร้างไม่มากนัก น่าจะไม่เกิน ๑๐๐ ตัว แกะจากไม้รากรัก-พุดซ้อน เป็นหนุมานไม่ทรงเครื่อง ทำแจกฟรีในงานบุญต่างๆ ของวัดโดยไม่มีการจำหน่าย ครั้งที่ ๒ สร้างปลาย พ.ศ. ๒๔๗๐-พ.ศ. ๒๔๗๑ โดยนำออกจ่ายแจกในงานทอดกฐินของวัดศาลากุน ใน พ.ศ.๒๔๗๒ หนุมานที่ทำในคราวนั้น มีทั้งแบบทรงเครื่องหน้าโขน และหนุมานหน้ากระบี่ไม่ทรงเครื่อง แกะจากไม้รากรัก-พุดซ้อน และ งานช้าง จำนวนการสร้างประมาณ ๒๐๐ ตัว ญาติโยมทางกรุงเทพฯ ได้รับแจกไปจำนวนมาก เพราะเป็นเจ้าภาพในบุญทอดกฐินปีนั้น ลักษณะการแกะ แกะเป็นรูปหนุมานนั่งยองๆ จับเข่า อ้าปากเห็นลิ้นกับฟัน มีทั้งแบบทรงเครื่องหน้าโขน และหน้ากระบี่ไม่ทรงเครื่อง ทั้งนี้แบบทรงเครื่องดูสวยงามและอลังการมากกว่า แต่ต้องพิจารณาให้ดี เพราะหนุมานของหลวงพ่อสุ่น มีของทำเลียนแบบจำนวนมาก ต้องพิจารณาจากความเก่าของงาและไม้ที่นำมาแกะ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ ชัดเจน คือหนุมานหลวงพ่อสุ่น ถ้าเป็นเนื้อไม้จะมีรอยร้าวและเนื้อไม้จะแห้ง ส่วนหนุมานเนื้องาแกะ เนื้อจะต้องแห้งเก่า แต่แฝงด้วยความฉ่ำ แบบเดียวกับงาแกะเนื้อหลวงพ่อเดิม อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อสุ่นไม่มีประวัติการเรียนอาคมจากพระเกจิอาจารย์ท่านใดไม่มีประวัติ แน่ชัด แต่ก็มีการสันนิษฐานว่า อาจจะเรียนมาจาก หลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง เพราะหลวงพ่อสุ่นกับหลวงพ่อกลิ่นเคยสนทนากันว่า "เมื่อร่ำเรียนวิชามาแล้ว ก็ต้องทำของแจกชาวบ้านบ้าง" โดยการสร้างหนุมานทั้ง ๒ ครั้ง หลวงพ่อสุ่นจะปลุกเสกเดี่ยวในอุโบสถ คาถาปลุกหนุมาน ผู้เคยใช้หนุมานหลวงพ่อสุ่น ต่างมีความเชื่อว่ามีพุทธคุณเด่นทางแคล้วคลาด คงกระพัน และมหาอำนาจ ประวัติหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน ส่วนประวัติของหลวงพ่อสุ่น ไม่เป็นที่กระจ่างนัก เล่ากันว่าท่านชื่อ สุ่น นามสกุล ปานกล่ำ เป็นชาวปากเกร็ดโดยกำเนิด เกิดเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๓๕ เมื่อบวชแล้วได้ฉายาว่า จันทโชติ แปลว่า รุ่งเรืองดุจจันทร์เพ็ญ ไม่ปรากฏนามพระอุปัชฌาย์อาจารย์ จำพรรษาอยู่ที่วัดศาลากุน ตั้งแต่หนุ่ม ปลูกต้นรัก และต้นพุดซ้อน ดูแลอย่างดี ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมภาร ด้วยการทำน้ำมนต์รดต้นไม้ทั้งสองเสมอมา เมื่อเป็นสมภารคลองวัด จึงให้ลูกศิษย์ขุดรากไม้รักและพุดซ้อนตากจนแห้ง ให้ช่างมีฝีมือแกะเป็นรูปหนุมานทรงเครื่องสวยงาม นอกจากนี้แล้ว หลวงพ่อสุ่นยังเป็นหนึ่งในพระคณาจาจารย์ผู้ลงอักขระบนแผ่นทองแดงใช้เป็นมวล สารในการจัดสร้างเหรียญที่ระลึก วัดราชบพิธฯ ครั้งที่ ๔ (พ.ศ.๒๔๘๑) หลวงพ่อสุ่น เป็นสหธรรมิกของ หลวงพ่อกลิ่น วัดสะพานสูง โดยมีอายุมากกว่าหลวงพ่อกลิ่นประมาณ ๕ ปี เมื่อราว พ.ศ.๒๔๘๑-๒๔๘๒ หลวงพ่อสุ่นมรณภาพ สิริอายุประมาณ ๗๘ ปี ในวันประชุมเพลิงหลวงพ่อสุ่นเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๙ นั้น หลวงพ่อกลิ่นมาเป็นเจ้าภาพด้วยตัวเอง คาถาหนุมานคาถากำกับหนุมานให้ว่า "นะมัง เพลิง โมมังปากกระบอก ยะมิให้ออก อุดธังโธอุด ธังอัด อะสังวิสุโรปุสะพูพะ มะอะอุ โอมยะพุทธา ทะโยสตรี สตรี นิสังโห"
o หากมีบัญชี Facebook สามารถใช้ในการสมัครสมาชิกได้
o กรอกอีเมล/เบอร์โทรศัพท์ และรหัสผ่านที่ใช้เข้า Facebook
o กด “ตกลง” ก็จะเป็นสมาชิกเว็บไซด์พระพันธุ์ทิพย์ดอทคอม ได้ทันที
o ใส่ชื่ออีเมล และ รหัสผ่าน และ กดตกลง
o เข้าไปที่อีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้ ตรวจสอบอีเมลจาก prapantip@gmail.com เมื่อรับอีเมลแล้วให้กดที่ลิงค์ที่อยู่ในอีเมล เพื่อเข้าระบบ (บางครั้งอีเมล อาจไม่ได้อยู่ที่ Inbox กรุณาตรวจสอบที่ Junk Mail)
o ในครั้งต่อไป สามารถเข้าระบบ โดยกรอกอีเมล และ รหัสผ่าน ที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้
ต้อง เห็นรายละเอียดชัดเจน ทุกด้าน ทั้งองค์
ควร ลงรูปทุกด้าน (หน้า หลัง ด้านข้าง ด้านบน ด้านล่าง)
ห้าม ลงรูปไม่คมชัด ไม่ละเอียด เบลอ
ห้าม วางพระเครื่อง รวมหลายๆ องค์ ในภาพเดียว
ห้าม ลงรูปพระไม่ซ้ำกันใน 1 ประกาศ
สิ่งสำคัญ: ห้ามลงพระซ้ำกับพระที่เคยลงประกาศไปแล้ว และยังแสดงอยู่ในหน้าเว็บไซด์
สินค้าที่ห้ามลงประกาศ: ชุดพระในคอ, งานทำบุญ , ข่าวพระเครื่อง, โฆษณาร้านพระ, ใบรับประกันร้านพระ, ข่าวสารพระเครื่อง, งานประกวด หรือ สินค้าอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง หากพบว่าลงพระไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามประเภท หรือ ลงสินค้าที่ไม่เกี่ยวข้อง ทางเว็บไซด์พระพันธุ์ทิพย์ดอทคอม ขอสงวนสิทธิ์ในการลบรายการพระนั้นๆ ออก โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
อ่านเพิ่มเติมที่ ลงรูปพระเครื่องแบบไหน ที่ทำให้คนเข้าชมเยอะ
- ประเภทพระ (เลือกประเภทพระ 1 รายการ) ดูรายละเอียดประเภทพระ
- ชื่อพระ
- ราคา (เฉพาะตัวเลขเท่านั้น)
- รายละเอียดพระ
- รูปพระ (ลงรูปพระได้ 1-5 รูป)
- รูปถ่ายบัตรประชาชน+หน้าสมุดบัญชีธนาคาร 1 รูป
- พื้นที่/จังหวัด
- ผู้ขาย (ชื่อ/นามสกุล)
- เบอร์โทรศัพท์ (เฉพาะตัวเลขเท่านั้น)
- Line id
สถานะ | รายละเอียด |
---|---|
รอตรวจสอบ | อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล |
ไม่ผ่านการตรวจสอบ | เนื่องจาก ภาพไม่ชัด / ข้อมูลไม่ครบ /ผิดเงื่อนไข (เช่น ลงพระซ้ำ) เมื่อไม่ ผ่านการตรวจสอบจะลบประกาศออกทันที หากต้องการแก้ไขหรือเพิ่มเติมให้ลงใหม่เท่านั้น |
กำลังใช้งาน | พระแสดงหน้าเว็บไซด์แล้ว จนถึงวันที่ ..../...../..... |