title แม็กกาซีนพระ บทความและสาระความรู้

เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาศ (บางเหี้ย) สมุทรปราการ
22 เมษายน 2563    9,441

เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาศ (บางเหี้ย) สมุทรปราการ

เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาศ (บางเหี้ย) สมุทรปราการ

โดย ศาล มรดกไทย


ที่สุดแห่งเครื่องรางของขลัง อันดับหนึ่งตลอดกาล เขี้ยวเสือแกะหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ที่ได้รับการยกย่องและได้รับความนิยม เปรียบได้ดั่งถ้าเป็นพระเครื่องต้องยกให้พระสมเด็จวัดระฆัง และถ้าจะกล่าวถึงเครื่องรางของขลังทั้งหมดที่มีเสน่ห์เป็นที่หมายปอง อยากจะมีไว้บูชาคุ้มครอง ต้องยกให้ เสือของหลวงพ่อปาน เหตุผลเพราะมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมานานกล่าวขานถึงพุทธคุณ ทางด้านเมตตามหานิยม มหาอํานาจขั้นสูง เหมาะกับผู้เป็นเจ้าของกิจการที่ต้องควบคุมลูกน้อง หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา จึงทําให้เป็นสุดยอดของเครื่องรางที่ใครได้มีโอกาสครอบครองเสือของหลวงพ่อแท้ๆ มักจะนิยมนํามาบูชาติดตัว เพราะพกพาได้ง่ายกว่าพระเครื่อง อยู่ข้างกายแล้วรู้สึกเข้มขลังมีพลังอํานาจ เรียกได้ว่า มีเสือของหลวงพ่อปานติดตัวไปไหนมาไหน สบายใจปลอดภัยหายห่วง


ประวัติหลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาศ (บางเหี้ย)

ประวัติหลวงพ่อที่ได้บันทึกไว้ท่านเกิดในปี พ.ศ.2368 เป็นชาวอําเภอบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเติบโตบิดามารดา นําไปฝากเรียนไว้ที่วัดอรุณราชวราราม ฝั่งธนบุรี ได้บวชเป็นสามเณรศึกษาวิชาเขียนอ่าน เมื่อเป็นหนุ่มขึ้นได้กลับไปช่วยการงานที่บ้าน จนมีอายุครบบวชบรรพชาเป็นพระภิกษุที่วัดอรุณราชวราราม มีท่านเจ้าคุณศรีศากยมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์ ร่ำเรียนทางพระธรรมรวมถึงชื่นชอบการเรียนทางวิปัสนากับพระอุปัชฌาย์ ทั้งยังได้เดินทางไปเรียนวิชาอาคมเพิ่มเติมกับพระอาจารย์อีกหลายๆ รูป เช่น หลวงพ่อแตง วัดอ่างศิลา ฯลฯ ทั้งท่านยังชอบเดินธุดงค์ไปวิปัสนากรรมฐานนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้แม้ท่านได้กลับมาอยู่จนได้ปกครองเป็นเจ้าอาวาส วัดบางเหี้ย ท่านก็ยังปฏิบัติเป็นประจํา

หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย

โดยกล่าวขานกันว่าขบวนธุดงค์ของหลวงพ่อ จะมีพระภิกษุมาร่วมขบวนเพื่อให้หลวงพ่อคุ้มครอง แต่ละครั้งนับเป็นจํานวนสองถึงสามร้อยรูป ในจํานวนนี้จะมีพระที่เป็นศิษย์และมีชื่อเสียงต่อมาหลายๆ องค์เช่น หลวงพ่อนก วัดสังกะสี หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ หลวงพ่อเผือก วัดกิ่งแก้ว ฯลฯ นับว่าสมัยนั้นหลวงพ่อเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดองค์หนึ่ง

แม้กระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ยังทรงให้ความนับถือกล่าวยกย่องเอาไว้ในพระหัตถเลขา ของพระองค์ เมื่อครั้งเสด็จมาที่ตําบลบางเหี้ย ทั้งนี้พระองค์ยังได้เปลี่ยนชื่อเป็นตําบลคลองด่าน และเปลี่ยนอําเภอบางเหี้ย เป็นอําเภอบางบ่อ ตราบจนทุกวันนี้ ที่สําคัญพระองค์ได้แต่งตั้งเจ้าอธิการปานอาจารย์วิปัสนา วัดบางเหี้ย ให้เป็น พระครูพิพัฒนิโรธกิจ ในปี พ.ศ.2444 หลวงพ่อปกครองวัดเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนเดินทางมากราบไหว้ด้วยความนับถือ จนถึงปี พ.ศ.2453 ท่านได้มรณภาพลงที่วัดบางเหี้ย สร้างความเสียใจอย่างที่สุดของบรรดาศิษย์ที่รักเคารพท่าน


การสร้างเครื่องราง เขี้ยวเสือแกะเป็นรูปเสือของหลวงพ่อ 

มีมานาน ตั้งแต่ท่านเริ่มมาอยู่ที่วัด โดยทําแจกให้ศิษย์ไว้คุ้มครอง พร้อมด้วยตะกรุดและผ้ายันต์ แต่เสือของท่านจะได้รับความนิยมมากที่สุด ดังที่เสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 เคยพระราชนิพนธ์ไว้ว่า “ถ้าปกติราคาตัวละบาท เวลาแย่งชิงกันก็ขึ้นไปถึง 3 บาท ว่า 6 บาท ก็มี ได้รูปเสือนั้นแล้วจึงไปให้พระครูปลุกเสก” จะเห็นได้ว่าระยะเวลาในสมัยนั้นถึงปัจจุบัน 100 กว่าปีมาแล้ว ราคาที่พระองค์กล่าวถึงนับเป็นราคาที่สูงมากในยุคนั้น และคงเป็นเครื่องรางที่มีราคากับความต้องการมากที่สุดตั้งแต่สมัยนั้นจนมาถึงทุกวันนี้

สําหรับช่างที่แกะเสือมีที่เป็นช่างประจําวัด ซึ่งสามารถแกะได้ศิลปะสวยงามหรือศิลป์นิยม หรือจะเป็นชาวบ้านทั่วไปที่อยากได้แต่มีเงินไม่พอ เมื่อได้เขี้ยวเสือมาก็ให้คนที่รู้จักและสามารถแกะได้ โดยที่หลวงพ่อท่านไม่เคยแยกแยะว่าจะต้องเป็นช่างที่วัดแกะ ท่านถึงจะลงเหล็กจารและปลุกเสกให้ ทําให้มีเสือของหลวงพ่อหลายรูปแบบหลายศิลปะ ดังนั้นจึงขอยกตัวอย่างตามหนังสือ “เสือหลวงพ่อปาน” ของพี่อ๊อด (เสือ) สําเพ็ง นักนิยมสะสมและศรัทธาเสือของหลวงพ่อจนเป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในการพิจารณาเสือหลวงพ่อปานในปัจจุบันคือ

1 เสืออ้าปากศิลป์นิยม
จะมีทั้งที่เป็นเขี้ยวเต็ม (มีรูประสาทฟัน) หรือเขี้ยวซีก (เขี้ยวขนาดเล็กหรือเศษเขี้ยวที่แตกหัก) นํามาแกะส่วนมาก จะเป็นช่างฝีมือดีประจําวัด แกะได้สวยงามเห็นฟันและเขี้ยวเสือรวมถึงมีลิ้นของเสือให้เห็น ส่วนหางเสือจะมีทั้งพันที่รอบฐานหรือ วนพาดขึ้นไปที่ด้านหลังทั้งแบบตรงและเป็นหางกวักตามจินตนาการของช่าง

2 เสือหุบปากศิลป์นิยม บางท่านเรียกเสือหน้าแมว
จะมีลักษณะเหมือนเสือยิ้มหรือเสืออิ่ม ไม่เห็นเขี้ยวหรือฟันเสือ มีทั้งเขี้ยวแบบเต็มเขี้ยว และแบบเขียวซีก เป็นช่างแกะฝีมือดีประจําวัดเช่นกัน จะมีหลายขนาดตามความเล็กใหญ่ของเขี้ยวที่นํามาแกะ ส่วนมากหางจะพันรอบฐานแต่มีที่หาง วนพาดที่ด้านหลังบ้างเป็นจํานวนน้อยหาได้ยาก

3 เสือศิลป์วัดกลางคลองด่าน
คือเขี้ยวเสือแกะฝีมือชาวบ้านที่ต้องการบูชาแต่ไม่ได้จ้างช่างของทางวัดแกะ จะมีหลากหลายฝีมือ แต่โดยรวมก็จะแกะแบบทั้งมีเขี้ยวและแบบเสือหุบปาก ส่วนมากที่พบเจอจะเป็นแบบหุบปากเพราะแกะได้ง่ายกว่า นอกจาก 3 แบบศิลปะที่เป็น ที่นิยมในการเสาะหา ยังมีแบบศิลป์ที่หายาก เช่นแกะเป็นแบบเสือโห่ เสือเหลียวหลัง เสือคล้ายลูกเสือจนดูเหมือนเป็นสุนัข ฯลฯ

ฉบับ 139 เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย

ด้านการพิจารณา เสือแท้ๆ ของหลวงพ่อมีอายุเกิน 100 ปี ไปแล้วนับเป็นวัตถุมงคลที่ล้ำค่า ปัจจุบันมีราคาสูงทําให้มีการทําเทียมเลียนแบบมานาน ต้องศึกษาความเก่าของเขี้ยวเสือที่มีอายุเป็นร้อยปี ความแห้งของเนื้อแม้จะเป็นเขี้ยวที่ไม่เคยใช้ก็ต้องมีความเก่า ทั้งตัวเขี้ยว ด้านนอกไปจนถึงด้านใน เหมือนเปรียบได้ดั่งเทียนไขที่เนื้อนอกในใกล้เคียงกัน ไม่ได้เกิดจากทําด้านนอกให้เก่า ด้วยการนําเขี้ยวไปทอดหรืออบให้ดูเหลืองแล้วนํามาสัมผัสถูกับเหงื่อหรือน้ำยาให้ดูเก่า

สิ่งสําคัญคือ ศิลป์การแกะของช่างยุคสมัยก่อนรวมถึงรอยจารลายมือ หลวงพ่อต้องชัดเจนมีอายุจากการจารมาเป็นร้อยปี ทั้งต้องมีตําแหน่งการวางยันต์ที่ถูกต้องเรียบร้อยตามความตั้งใจของหลวงพ่อปาน

ด้วยความนิยมในเขี้ยวเสือของหลวงพ่อปานที่เป็นเครื่องรางอันดับหนึ่ง ไม่นานมานี้จึงมีข่าวการเปลี่ยนมือในวงการพระถึงเสือตัวสวยๆ ราคา 3-6 ล้านบาท มาแล้วหลายตัว นับเป็นโอกาสดีที่ครั้งนี้ได้นํารูป เสือหลวงพ่อปาน ขึ้นใหม่ล่าสุดของวงการที่มีข่าวการซื้อขายเป็นสถิติล่าสุดสูงถึง 7 ล้านบาท โดย คุณวิทยา (วิทยา เสือปิดตา) นักสะสมเครื่องรางอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่นิยมชอบเก็บสะสมเขี้ยวเสือหลวงพ่อปานจํานวนหลายสิบตัวด้วยความรักและศรัทธา




สําหรับเสือตัวนี้นับเป็นเสือของหลวงพ่อปานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบเจอ คือสูงถึง 5 เซนติเมตรกว่าๆ มีรอยจารลายมือหลวงพ่อชัดเจน ศิลปะเป็บแบบนิยมอ้าปากดูน่า เกรงขาม ที่สําคัญด้วยมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการพบเจอเขี้ยวเสือแท้ๆ ของหลวงพ่อปาน จึงเป็นเสือตัวที่ล้ำค่าน่าครอบครอง ที่สุดสมดังความตั้งใจของคุณวิทยาโดยแท้จริง

ท่านใดที่สนใจจะศึกษาหรือชมรูปเขี้ยวเสือหลวงพ่อปานแท้ๆ ของคุณวิทยาเข้าไปชมได้ที่เว็ปไซด์ “พระพันธุ์ทิพย์ ดอทคอม” ร้านเสือปิดตา ซึ่ง คุณวิทยาได้นําเขี้ยวเสือที่สะสมไว้ รวมถึงเครื่องรางและพระปิดตา ที่หาชมได้ยากเอามาลงไว้ให้ผู้ที่สนใจ ได้ศึกษา ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ
 

นิตยสาร พระเครื่องล้ำค่า ปีที่ 12 ฉบับ 139 มีนาคม 2557 หน้า 30-31