โดย ศาล มรดกไทย
ที่สุดแห่งเครื่องรางของขลัง อันดับหนึ่งตลอดกาล เขี้ยวเสือแกะหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ที่ได้รับการยกย่องและได้รับความนิยม เปรียบได้ดั่งถ้าเป็นพระเครื่องต้องยกให้พระสมเด็จวัดระฆัง และถ้าจะกล่าวถึงเครื่องรางของขลังทั้งหมดที่มีเสน่ห์เป็นที่หมายปอง อยากจะมีไว้บูชาคุ้มครอง ต้องยกให้ เสือของหลวงพ่อปาน เหตุผลเพราะมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมานานกล่าวขานถึงพุทธคุณ ทางด้านเมตตามหานิยม มหาอํานาจขั้นสูง เหมาะกับผู้เป็นเจ้าของกิจการที่ต้องควบคุมลูกน้อง หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา จึงทําให้เป็นสุดยอดของเครื่องรางที่ใครได้มีโอกาสครอบครองเสือของหลวงพ่อแท้ๆ มักจะนิยมนํามาบูชาติดตัว เพราะพกพาได้ง่ายกว่าพระเครื่อง อยู่ข้างกายแล้วรู้สึกเข้มขลังมีพลังอํานาจ เรียกได้ว่า มีเสือของหลวงพ่อปานติดตัวไปไหนมาไหน สบายใจปลอดภัยหายห่วง
ประวัติหลวงพ่อที่ได้บันทึกไว้ท่านเกิดในปี พ.ศ.2368 เป็นชาวอําเภอบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเติบโตบิดามารดา นําไปฝากเรียนไว้ที่วัดอรุณราชวราราม ฝั่งธนบุรี ได้บวชเป็นสามเณรศึกษาวิชาเขียนอ่าน เมื่อเป็นหนุ่มขึ้นได้กลับไปช่วยการงานที่บ้าน จนมีอายุครบบวชบรรพชาเป็นพระภิกษุที่วัดอรุณราชวราราม มีท่านเจ้าคุณศรีศากยมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์ ร่ำเรียนทางพระธรรมรวมถึงชื่นชอบการเรียนทางวิปัสนากับพระอุปัชฌาย์ ทั้งยังได้เดินทางไปเรียนวิชาอาคมเพิ่มเติมกับพระอาจารย์อีกหลายๆ รูป เช่น หลวงพ่อแตง วัดอ่างศิลา ฯลฯ ทั้งท่านยังชอบเดินธุดงค์ไปวิปัสนากรรมฐานนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้แม้ท่านได้กลับมาอยู่จนได้ปกครองเป็นเจ้าอาวาส วัดบางเหี้ย ท่านก็ยังปฏิบัติเป็นประจํา

โดยกล่าวขานกันว่าขบวนธุดงค์ของหลวงพ่อ จะมีพระภิกษุมาร่วมขบวนเพื่อให้หลวงพ่อคุ้มครอง แต่ละครั้งนับเป็นจํานวนสองถึงสามร้อยรูป ในจํานวนนี้จะมีพระที่เป็นศิษย์และมีชื่อเสียงต่อมาหลายๆ องค์เช่น หลวงพ่อนก วัดสังกะสี หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ หลวงพ่อเผือก วัดกิ่งแก้ว ฯลฯ นับว่าสมัยนั้นหลวงพ่อเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดองค์หนึ่ง
แม้กระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ยังทรงให้ความนับถือกล่าวยกย่องเอาไว้ในพระหัตถเลขา ของพระองค์ เมื่อครั้งเสด็จมาที่ตําบลบางเหี้ย ทั้งนี้พระองค์ยังได้เปลี่ยนชื่อเป็นตําบลคลองด่าน และเปลี่ยนอําเภอบางเหี้ย เป็นอําเภอบางบ่อ ตราบจนทุกวันนี้ ที่สําคัญพระองค์ได้แต่งตั้งเจ้าอธิการปานอาจารย์วิปัสนา วัดบางเหี้ย ให้เป็น พระครูพิพัฒนิโรธกิจ ในปี พ.ศ.2444 หลวงพ่อปกครองวัดเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนเดินทางมากราบไหว้ด้วยความนับถือ จนถึงปี พ.ศ.2453 ท่านได้มรณภาพลงที่วัดบางเหี้ย สร้างความเสียใจอย่างที่สุดของบรรดาศิษย์ที่รักเคารพท่าน
การสร้างเครื่องราง เขี้ยวเสือแกะเป็นรูปเสือของหลวงพ่อ
มีมานาน ตั้งแต่ท่านเริ่มมาอยู่ที่วัด โดยทําแจกให้ศิษย์ไว้คุ้มครอง พร้อมด้วยตะกรุดและผ้ายันต์ แต่เสือของท่านจะได้รับความนิยมมากที่สุด ดังที่เสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 เคยพระราชนิพนธ์ไว้ว่า “ถ้าปกติราคาตัวละบาท เวลาแย่งชิงกันก็ขึ้นไปถึง 3 บาท ว่า 6 บาท ก็มี ได้รูปเสือนั้นแล้วจึงไปให้พระครูปลุกเสก” จะเห็นได้ว่าระยะเวลาในสมัยนั้นถึงปัจจุบัน 100 กว่าปีมาแล้ว ราคาที่พระองค์กล่าวถึงนับเป็นราคาที่สูงมากในยุคนั้น และคงเป็นเครื่องรางที่มีราคากับความต้องการมากที่สุดตั้งแต่สมัยนั้นจนมาถึงทุกวันนี้
สําหรับช่างที่แกะเสือมีที่เป็นช่างประจําวัด ซึ่งสามารถแกะได้ศิลปะสวยงามหรือศิลป์นิยม หรือจะเป็นชาวบ้านทั่วไปที่อยากได้แต่มีเงินไม่พอ เมื่อได้เขี้ยวเสือมาก็ให้คนที่รู้จักและสามารถแกะได้ โดยที่หลวงพ่อท่านไม่เคยแยกแยะว่าจะต้องเป็นช่างที่วัดแกะ ท่านถึงจะลงเหล็กจารและปลุกเสกให้ ทําให้มีเสือของหลวงพ่อหลายรูปแบบหลายศิลปะ ดังนั้นจึงขอยกตัวอย่างตามหนังสือ “เสือหลวงพ่อปาน” ของพี่อ๊อด (เสือ) สําเพ็ง นักนิยมสะสมและศรัทธาเสือของหลวงพ่อจนเป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในการพิจารณาเสือหลวงพ่อปานในปัจจุบันคือ
1 เสืออ้าปากศิลป์นิยม
จะมีทั้งที่เป็นเขี้ยวเต็ม (มีรูประสาทฟัน) หรือเขี้ยวซีก (เขี้ยวขนาดเล็กหรือเศษเขี้ยวที่แตกหัก) นํามาแกะส่วนมาก จะเป็นช่างฝีมือดีประจําวัด แกะได้สวยงามเห็นฟันและเขี้ยวเสือรวมถึงมีลิ้นของเสือให้เห็น ส่วนหางเสือจะมีทั้งพันที่รอบฐานหรือ วนพาดขึ้นไปที่ด้านหลังทั้งแบบตรงและเป็นหางกวักตามจินตนาการของช่าง
2 เสือหุบปากศิลป์นิยม บางท่านเรียกเสือหน้าแมว
จะมีลักษณะเหมือนเสือยิ้มหรือเสืออิ่ม ไม่เห็นเขี้ยวหรือฟันเสือ มีทั้งเขี้ยวแบบเต็มเขี้ยว และแบบเขียวซีก เป็นช่างแกะฝีมือดีประจําวัดเช่นกัน จะมีหลายขนาดตามความเล็กใหญ่ของเขี้ยวที่นํามาแกะ ส่วนมากหางจะพันรอบฐานแต่มีที่หาง วนพาดที่ด้านหลังบ้างเป็นจํานวนน้อยหาได้ยาก
3 เสือศิลป์วัดกลางคลองด่าน
คือเขี้ยวเสือแกะฝีมือชาวบ้านที่ต้องการบูชาแต่ไม่ได้จ้างช่างของทางวัดแกะ จะมีหลากหลายฝีมือ แต่โดยรวมก็จะแกะแบบทั้งมีเขี้ยวและแบบเสือหุบปาก ส่วนมากที่พบเจอจะเป็นแบบหุบปากเพราะแกะได้ง่ายกว่า นอกจาก 3 แบบศิลปะที่เป็น ที่นิยมในการเสาะหา ยังมีแบบศิลป์ที่หายาก เช่นแกะเป็นแบบเสือโห่ เสือเหลียวหลัง เสือคล้ายลูกเสือจนดูเหมือนเป็นสุนัข ฯลฯ

ด้านการพิจารณา เสือแท้ๆ ของหลวงพ่อมีอายุเกิน 100 ปี ไปแล้วนับเป็นวัตถุมงคลที่ล้ำค่า ปัจจุบันมีราคาสูงทําให้มีการทําเทียมเลียนแบบมานาน ต้องศึกษาความเก่าของเขี้ยวเสือที่มีอายุเป็นร้อยปี ความแห้งของเนื้อแม้จะเป็นเขี้ยวที่ไม่เคยใช้ก็ต้องมีความเก่า ทั้งตัวเขี้ยว ด้านนอกไปจนถึงด้านใน เหมือนเปรียบได้ดั่งเทียนไขที่เนื้อนอกในใกล้เคียงกัน ไม่ได้เกิดจากทําด้านนอกให้เก่า ด้วยการนําเขี้ยวไปทอดหรืออบให้ดูเหลืองแล้วนํามาสัมผัสถูกับเหงื่อหรือน้ำยาให้ดูเก่า
สิ่งสําคัญคือ ศิลป์การแกะของช่างยุคสมัยก่อนรวมถึงรอยจารลายมือ หลวงพ่อต้องชัดเจนมีอายุจากการจารมาเป็นร้อยปี ทั้งต้องมีตําแหน่งการวางยันต์ที่ถูกต้องเรียบร้อยตามความตั้งใจของหลวงพ่อปาน
ด้วยความนิยมในเขี้ยวเสือของหลวงพ่อปานที่เป็นเครื่องรางอันดับหนึ่ง ไม่นานมานี้จึงมีข่าวการเปลี่ยนมือในวงการพระถึงเสือตัวสวยๆ ราคา 3-6 ล้านบาท มาแล้วหลายตัว นับเป็นโอกาสดีที่ครั้งนี้ได้นํารูป เสือหลวงพ่อปาน ขึ้นใหม่ล่าสุดของวงการที่มีข่าวการซื้อขายเป็นสถิติล่าสุดสูงถึง 7 ล้านบาท โดย คุณวิทยา (วิทยา เสือปิดตา) นักสะสมเครื่องรางอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่นิยมชอบเก็บสะสมเขี้ยวเสือหลวงพ่อปานจํานวนหลายสิบตัวด้วยความรักและศรัทธา

สําหรับเสือตัวนี้นับเป็นเสือของหลวงพ่อปานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบเจอ คือสูงถึง 5 เซนติเมตรกว่าๆ มีรอยจารลายมือหลวงพ่อชัดเจน ศิลปะเป็บแบบนิยมอ้าปากดูน่า เกรงขาม ที่สําคัญด้วยมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการพบเจอเขี้ยวเสือแท้ๆ ของหลวงพ่อปาน จึงเป็นเสือตัวที่ล้ำค่าน่าครอบครอง ที่สุดสมดังความตั้งใจของคุณวิทยาโดยแท้จริง
ท่านใดที่สนใจจะศึกษาหรือชมรูปเขี้ยวเสือหลวงพ่อปานแท้ๆ ของคุณวิทยาเข้าไปชมได้ที่เว็ปไซด์ “พระพันธุ์ทิพย์ ดอทคอม” ร้านเสือปิดตา ซึ่ง คุณวิทยาได้นําเขี้ยวเสือที่สะสมไว้ รวมถึงเครื่องรางและพระปิดตา ที่หาชมได้ยากเอามาลงไว้ให้ผู้ที่สนใจ ได้ศึกษา ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ
นิตยสาร พระเครื่องล้ำค่า ปีที่ 12 ฉบับ 139 มีนาคม 2557 หน้า 30-31
o หากมีบัญชี Facebook สามารถใช้ในการสมัครสมาชิกได้
o กรอกอีเมล/เบอร์โทรศัพท์ และรหัสผ่านที่ใช้เข้า Facebook
o กด “ตกลง” ก็จะเป็นสมาชิกเว็บไซด์พระพันธุ์ทิพย์ดอทคอม ได้ทันที
o ใส่ชื่ออีเมล และ รหัสผ่าน และ กดตกลง
o เข้าไปที่อีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้ ตรวจสอบอีเมลจาก prapantip@gmail.com เมื่อรับอีเมลแล้วให้กดที่ลิงค์ที่อยู่ในอีเมล เพื่อเข้าระบบ (บางครั้งอีเมล อาจไม่ได้อยู่ที่ Inbox กรุณาตรวจสอบที่ Junk Mail)
o ในครั้งต่อไป สามารถเข้าระบบ โดยกรอกอีเมล และ รหัสผ่าน ที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้
ต้อง เห็นรายละเอียดชัดเจน ทุกด้าน ทั้งองค์
ควร ลงรูปทุกด้าน (หน้า หลัง ด้านข้าง ด้านบน ด้านล่าง)
ห้าม ลงรูปไม่คมชัด ไม่ละเอียด เบลอ
ห้าม วางพระเครื่อง รวมหลายๆ องค์ ในภาพเดียว
ห้าม ลงรูปพระไม่ซ้ำกันใน 1 ประกาศ
สิ่งสำคัญ: ห้ามลงพระซ้ำกับพระที่เคยลงประกาศไปแล้ว และยังแสดงอยู่ในหน้าเว็บไซด์
สินค้าที่ห้ามลงประกาศ: ชุดพระในคอ, งานทำบุญ , ข่าวพระเครื่อง, โฆษณาร้านพระ, ใบรับประกันร้านพระ, ข่าวสารพระเครื่อง, งานประกวด หรือ สินค้าอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง หากพบว่าลงพระไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามประเภท หรือ ลงสินค้าที่ไม่เกี่ยวข้อง ทางเว็บไซด์พระพันธุ์ทิพย์ดอทคอม ขอสงวนสิทธิ์ในการลบรายการพระนั้นๆ ออก โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
อ่านเพิ่มเติมที่ ลงรูปพระเครื่องแบบไหน ที่ทำให้คนเข้าชมเยอะ
- ประเภทพระ (เลือกประเภทพระ 1 รายการ) ดูรายละเอียดประเภทพระ
- ชื่อพระ
- ราคา (เฉพาะตัวเลขเท่านั้น)
- รายละเอียดพระ
- รูปพระ (ลงรูปพระได้ 1-5 รูป)
- รูปถ่ายบัตรประชาชน+หน้าสมุดบัญชีธนาคาร 1 รูป
- พื้นที่/จังหวัด
- ผู้ขาย (ชื่อ/นามสกุล)
- เบอร์โทรศัพท์ (เฉพาะตัวเลขเท่านั้น)
- Line id
| สถานะ | รายละเอียด |
|---|---|
| รอตรวจสอบ | อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล |
| ไม่ผ่านการตรวจสอบ | เนื่องจาก ภาพไม่ชัด / ข้อมูลไม่ครบ /ผิดเงื่อนไข (เช่น ลงพระซ้ำ) เมื่อไม่ ผ่านการตรวจสอบจะลบประกาศออกทันที หากต้องการแก้ไขหรือเพิ่มเติมให้ลงใหม่เท่านั้น |
| กำลังใช้งาน | พระแสดงหน้าเว็บไซด์แล้ว จนถึงวันที่ ..../...../..... |
หมดอายุการใช้งาน
กำลังโอนเงินเข้ามา
ยังไม่ได้ชำระค่าเปิดร้าน
ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือ ค่าธรรมเนียม ในการสมัคร แต่อย่างใด
สมาชิก 1 ท่าน สามารถลงประกาศได้ 1 รายการต่อ 1 วัน
ประกาศ 1 รายการ มีอายุ 15 วัน เมื่อครบกำหนดแล้ว จะถูกลบโดยอัตโนมัติ
ลงพระฟรี สำหรับการลงเพื่อขาย-เช่า เท่านั้น (ห้ามลงพระโชว์/โทรถาม)