แม็กกาซีนพระ บทความและสาระความรู้

เปิดกรุ "หลวงพ่อโอภาสี บางมด" พระภิกษุผู้มีอิทธิปาฏิหาริย์เป็นที่กล่าวขวัญ วัตถุมงคลหลากหลายรูปสร้างชื่อทางด้านพุทธคุณ คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม และค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง
23 มีนาคม 2563    5,701

หลวงพ่อโอภาสี บางมด กทม.

โดย ศาล มรดกไทย
 

สมัยอดีตประมาณปี พ.ศ.2485 ย่านบางมด ที่เต็มไปด้วยสวนส้มอันขึ้นชื่อ ได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินธุดงค์มาปลักกลดและสร้างความเลื่อมใสศรัทธาให้กับชาวบ้าน จนเศรษฐีเจ้าของที่ดิน ได้ยกที่ให้สร้างเป็นอาศรมบางมด และได้นิมนต์ให้ท่านอยู่ และนี่คือจุดเริ่มต้นของที่มาแห่งพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกรูปหนึ่งของเมืองไทย “หลวงพ่อโอภาสี”
พระภิกษุผู้มีอิทธิปาฏิหาริย์เป็นที่กล่าวขวัญ รวมถึงวัตถุมงคลหลากหลายรูปแบบของท่านที่สร้างชื่อทางด้านพุทธคุณไม่ว่าจะด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม และที่ยอมรับกันเป็นอย่างมากคือ ด้านการค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง จนท่านเป็นพระอาจารย์องค์หนึ่ง ที่มีชาวไทยเชื้อสายจีน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ประกอบกิจการค้าขาย นับถือท่านเป็นที่สุด เพราะเชื่อกันว่าได้กราบไหว้ขอพรจากท่านมักประสบความสําเร็จได้เป็นอย่างดี

ประวัติหลวงพ่อโอภาสี

หลวงพ่อมีนามเดิมว่า “ชวน มะลิพันธุ์” เป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดที่อําเภอปากพนัง เมื่อปี พ.ศ. 2441 พอเติบโตขึ้นได้เล่าเรียนเขียนอ่าน และได้บวชเป็นสามเณรที่วัดโพธิ์ ในเมืองนครศรีธรรมราช จนเมื่อเรียนจบถึงชั้นมัธยมที่ 6 ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ญาติได้นํามาฝากไว้กับสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรม พระยาวชิรญาณวโรรส วัดบวรนิเวศวิหาร

และเมื่ออายุครบ 20 ปี ได้บวชเป็นพระภิกษุ โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากที่ได้บวชแล้วหลวงพ่อได้ศึกษาเพิ่มเติมต่อที่วัดบวรฯ  จนสอบได้เปรียญ 5 ประโยค หลวงพ่อท่านได้หันไปสนใจในด้านวิชาอาคม และได้เดินธุดงค์ไปเรียนวิชาจากหลายๆ พระอาจารย์นับเป็นเวลาเกือบ 20 ปี

โดยพระอาจารย์ที่หลวงพ่อนับถือและอยู่ร่ำเรียนวิชาด้วยนานที่สุดคือหลวงพ่อกบ วัดเขาสาลิกา จ.นครนายก ทําให้ท่านดําเนินรอยตามวิชาของอาจารย์ท่านคือการบูชาเพลิง เป็นการศึกษาเรื่องเพ่งกสิณไฟเพื่อให้จิตใจสงบนิ่งและหลุดพ้นจากกิเลส ต่างๆ ด้วยการนําสิ่งของทุกๆ อย่างที่ได้รับมาโยนเข้ากองไฟไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีมูลค่ามากมายเพียงใดก็ตาม

ด้วยความมุ่งมั่นในวิชาที่เรียนทําให้ท่านจิตใจกล้าแข็งวิชาอาคมที่ร่ำเรียนจึงเข้มขลัง จากการที่ท่านกลับมาอยู่วัดบวรฯ และได้ทําการบูชาเพลิงทําให้เป็นที่ไม่สะดวกเพราะเริ่มมีลูกศิษย์ที่นับถือต่างเดินทางมาหาท่านที่วัด และได้เห็นปาฏิหาริย์ที่หลวงพ่อได้ช่วยเหลือในหลายๆ เรื่องทําให้มีคนเดินทางมาหาท่านมากขึ้น หลวงพ่อจึงเห็นเป็นการไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในวัดหลวงแห่งนี้

ท่านจึงได้เดินทางธุดงค์และได้มาอยู่ที่ย่านบางมดจนมีศิษย์ที่ตามมาทําบุญกับท่าน และชาวบ้านในพื้นที่ก็ให้ความเคารพนับถือ หลวงพ่อจึงสร้างสํานักสงฆ์อาศรมบางมด และทําให้สํานักสงฆ์แห่งนี้เจริญรุ่งเรือง ด้วยมีผู้นับถือเดินทางมาหาและให้ท่านช่วยเหลือทั้งยังได้ร่วมทําบุญกับท่าน ซึ่งหลวงพ่อได้เมตตาในเรื่องเดือดร้อนต่างๆ ที่มีคนเดินทางมาขอให้หลวงพ่อช่วย เป็นที่พึ่งมีทั้ง ชาวบ้านชาวสวน รวมถึงคหบดี เจ้าสัวจากย่านเยาวราช สําเพ็ง บางลําพู ฯลฯ แม้แต่เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ เช่น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยังเดินทางมากราบไหว้ และร่วมทําบุญสร้างวัดกับท่านเป็นประจํา


สําหรับเรื่องการบูชาเพลิง นับเป็นเรื่องที่สร้างความสงสัยและเป็นปาฏิหาริย์ที่มีผู้ประสบกับตัวเองเป็นอย่างมาก เช่น ไม่ว่าจะถวายสิ่งของมีค่าใดๆ ให้กับท่าน หลังจากนั้นไม่นานการงานการค้าจะเจริญด้วยดีเงินทองจะเพิ่มพูนขึ้นจนน่าแปลกใจ แต่ถ้ามีผู้ใดเกิดเสียดายเวลาที่เห็นท่านโยนเข้ากองไฟเมื่อกลับมาบ้านจะเห็นของหรือเงินทองที่ถวายท่านกลับมาอยู่ที่ภายในบ้านได้เอง จนทําให้เรื่องนี้บอกเล่าร่ำลือต่อๆ กัน จึงทําให้ในทุกๆ วัน จะมีคนมากราบไหว้และร่วมทําบุญกับหลวงพ่ออย่างมากมาย

รวมถึงเรื่องที่หลวงพ่อ แสดงวิชาอาคม เช่น เดินทางไปปรากฏตัวในที่ต่างๆ เช่น ภายในวันเดียว ท่านไปปรากฏตัวได้หลายจังหวัด ทั้งที่สมัยก่อนจะไปแต่ละจังหวัดต้องใช้เวลานานหลายๆ วัน ซึ่งเรื่องราวปาฏิหาริย์จํานวนมากมายของท่านเป็นที่กล่าวถึงตั้งแต่อดีตสมัยที่หลวงพ่อมีชีวิตอยู่จนเมื่อหลวงพ่อมรณภาพไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2498 ถึงปัจจุบันนี้ วัดหลวงพ่อโอภาสียังมีประชาชนมากราบไหว้ ขอให้หลวงพ่อช่วยเหลือในเรื่องการค้าการขายและมักประสบความสําเร็จเป็นที่พึ่งของลูกศิษย์หลวงพ่อตลอดมา



วัตถุมงคล เหรียญหลวงพ่อโอภาสี

หลวงพ่อท่านได้แจกวัตถุมงคลตั้งแต่สมัยที่มาอยู่ย่านบางมดใหม่ๆ เพราะเป็นช่วงที่ประเทศไทยเข้าร่วมรบในสงครามพอดีในยุคแรกท่านจะทําผ้ายันต์ ผ้าประเจียด เหรียญสตางค์รูปลุกเสกแจกให้ลูกศิษย์ และมีผู้พบประสบเจอกับเหตุการณ์ เช่น คงกระพันถูกยิงถูกฟันไม่เข้า แคล้วคลาดภัยต่างๆ จนมีผู้คนมาขอท่านมากขึ้นหลวงพ่อจึงสร้างพระปิดตาเนื้อตะกั่ว พระพิมพ์เนื้อผงผสมดินล้วน ได้รับความนิยม ในครั้งนี้จะกล่าวถึงเหรียญที่หลวงพ่อปลุกเสกและเป็นที่เสาะหามีราคาสูงเป็นที่ต้องการของลูกศิษย์ทั่วเมืองไทย

1.เหรียญรุ่นแรก สร้างเป็นที่ระลึกเมื่อปี พ.ศ.2495
เป็นเหรียญรูปทรงกลมด้านหน้ารูปหลวงพ่อครึ่งองค์ด้านหลังเป็นยันต์สวัสดิกะอันเป็นยันต์ประจําตัวของหลวงพ่อ รอบๆ ขอบด้านหลังจะมีคาถาที่หลวงพ่อมักให้ศิษย์สายท่านท่องจําเอาไว้เป็นเรื่องดีในหลายๆ ด้านคือคาถา “อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง” นับเป็นคาถาที่ศิษย์หลวงพ่อต้องท่องจําเป็นอย่างยิ่ง จํานวนสร้างไม่แน่ชัดแต่จะมีเนื้อทองแดงเพียงอย่างเดียว ด้านหน้ามีแม่พิมพ์เดียว ด้านหลังมีสามแม่พิมพ์เหมือนๆ กันต่างกันเห็นได้ชัดที่ขนาดยันต์ตรงกลางและตัวหนังสือเท่านั้น

2.เหรียญรุ่นสอง สร้างปี พ.ศ.2496
นับเป็นเหรียญที่สร้างน้อยและมักจะพบเจอในย่านบางมดจะเห็นชาวสวนรุ่นเก่าใส่เหรียญนี้หลายๆ คน และกล่าวกันว่าดีทางด้านเขี้ยวจากงูพิษพบเจอถูกงูกัดไม่เข้ากันหลายๆ ราย เท่าที่เคยพบจะมีเนื้อทองแดง แต่ว่ากันว่ามีเนื้อเงินบ้างจํานวนน้อยมาก ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นยันต์มีพญานาคคู่และตัว อรัศมี ย่อมาจากชื่อของท่าน

3. เหรียญรุ่นสาม สร้างปี พ.ศ.2497
ในปีนี้หลวงพ่อท่านอนุญาตให้สร้างเหรียญถึงสามแบบแต่ที่รู้จักและพบเจอบ่อยๆ จะเป็นเหรียญด้านหน้าหลวงพ่อหันข้าง ด้านหลังเป็นรูปศาลาตรงกลางเป็นพญาครุฑด้านล่างบอกปี พ.ศ. ที่สร้างมีทั้งแบบด้านหลังที่เรียกพิมพ์มีราวบันไดและไม่มีราวบันได (ดูที่เส้นตั้งๆ ตรงทางเดินขึ้นศาลา) เหรียญรุ่นนี้หลวงพ่อนําไปแจกที่บ้านเกิดท่าน คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช จํานวนมากและชาวนครฯ ก็นับถือหลวงพ่อเป็นอย่างยิ่ง พบเจอแต่เนื้อทองแดงเพียงอย่างเดียวมีทั้งแบบรมดําและไม่ได้รมดํา

4.เหรียญรุ่นสุดท้าย เป็นเหรียญรูปครุฑแบกเสมาสร้างปี พ.ศ.2498
สําหรับเหรียญรุ่นนี้สร้างเป็นจํานวนมากและชาวบ้านในพื้นที่บางมด จะนิยมกันเพราะหลวงพ่อตอนแจกท่านกําชับให้เอาไว้ติดตัวทั้งท่านยังบอกเป็นนัยๆ เอาไว้ว่าเป็นรุ่นสุดท้ายของท่านหลังจากนั้นไม่นานหลวงพ่อก็ได้มรณภาพ ตลอดเวลาที่ท่านอยู่ที่สํานักสงฆ์แห่งนี้ลูกศิษย์จะเห็นว่าหลวงพ่อนับถือเลื่อมใสองค์พญาครุฑและในหลวงรัชกาลที่ห้าเป็นอย่ายิ่ง จะพบเจอเนื้อทองแดง แบบรมดําและไม่ได้รมดํามีเนื้อเงินจํานวนน้อยหายากมาก


เหรียญหลวงพ่อโอภาสีในทุกๆ รุ่น นับเป็นของดีพุทธคุณสูงที่น่ามีไว้พกติดตัวเป็นอย่างยิ่ง เช่น เหรียญรุ่นแรกจัดเป็นเหรียญยอดนิยมอันดับต้นๆ ของวงการพระมีราคาสูงเพราะมีผู้บูชาแล้วสําเร็จในการดําเนินชีวิตด้วยดี แม้กระทั่งเหรียญรุ่นสุดท้ายของท่านนับเป็นเหรียญที่น่าบูชาติดตัว เมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้วใกล้ๆ บ้านผู้เขียนมีคนที่รู้จักเป็นผู้ใหญ่มีเรื่องกับนักเลงถูกลอบยิงด้วยปืนลูกซองจนกระเด็นตกจากสะพานลงไปในน้ำ แต่สามารถว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งและตัวเขาก็ถูกยิงไม่เข้า และพระเครื่องของหลวงพ่อยังดีด้านเมตตาค้าขายเป็นที่เชื่อถือและศรัทธาได้อย่างสนิทใจจริงๆ 

ฉบับ 103-เหรียญหลวงพ่อโอภาสี อาศรม