แม็กกาซีนพระ บทความและสาระความรู้

หลวงพ่อวราห์ วัดโพธิทอง ผู้สร้าง "องค์พญาครุฑ รุ่นล้างอาถรรพ์-โคตรรวย" ปฐมบทแห่งตํานาน องค์พญาครุฑ เทพชั้นสูงที่มีทรัพย์สินเงินทอง และบริวารมากที่สุดเหนือบรรดาเทพทั้งหลาย มีอิทธิฤทธิ์สูงที่สุด ไม่เคยรบแพ้ใคร ไม่เจ็บป่วยไม่มีวันตาย 
24 มีนาคม 2563    3,652

พญาครุฑหลวงพ่อวราห์ วัดโพธิทอง

โดย ศาล มรดกไทย


ปฐมบทแห่งตํานาน องค์พญาครุฑ เทพชั้นสูงที่มีทรัพย์สินเงินทอง และบริวารมากที่สุดเหนือบรรดาเทพทั้งหลาย มีอิทธิฤทธิ์สูงที่สุด ไม่เคยรบแพ้ใคร ไม่เจ็บป่วยไม่มีวันตาย  ทั้งยังมีอํานาจบารมี สูงล้ำไปด้วยสติปัญญา แม้แต่พระนารายณ์ยังเคารพนับถือซึ่งกันและกัน โดยตกลงว่าพระนารายณ์ประทับอยู่ที่ใด องค์พญาครุฑจะอยู่สูงกว่าและเมื่อใดที่พระนารายณ์จะเสด็จไปที่ไหน พญาครุฑจะเป็นพาหนะให้หรือที่เรียกกันว่า “นารายณ์ทรงครุฑ”

ตั้งแต่อดีตอันยาวนาน จะถือว่าองค์พระนารายณ์ กับองค์พญาครุฑจะอยู่คู่กันเป็นตัวแทนซึ่งกันและกัน และจะใช้รูปของทั้งสององค์ติดธงเดินทัพเมื่อยามมีศึกสงคราม เพื่อเป็นขวัญกําลังใจให้ชนะมีชัยเหนือศัตรูทั้งปวง สําหรับผู้ที่นับถือบูชาองค์พญาครุฑ ไม่มีข้อห้ามใดๆ และไม่ว่าจะเกิดปีอะไร นักษัตรใด ขอเพียงนับถือท่านอย่างจริงใจ กตัญญูต่อบิดามารดาครูบาอาจารย์ จะประสบความสําเร็จในกิจการงาน ได้เลื่อนยศเลื่อนตําแหน่งมีบารมีเป็นที่รักของผู้ใกล้ชิด ทั้งยังดีมากทางการค้าการขายเพิ่มพูนเรื่องเงินๆ ทองๆ แคล้วคลาดจากภยันอันตราย กันคุณไสย สัตว์ร้ายภูติผีปีศาจเกรงกลัว


องค์พญาครุฑกับ พุทธศาสนา และเมืองไทย

ในตํานานกล่าวว่าองค์พญาครุฑมีหลายพันหลายหมื่นองค์ แต่องค์ใดจะมีฤทธิ์มากหรือน้อย อยู่ที่การบําเพ็ญเพียรสร้างบุญกุศล สําหรับมนุษย์นับถือองค์พญาครุฑในหลายๆ ประเทศยาวนานมาหลายพันปี เช่น ในประเทศอินเดีย ธิเบต เนปาล ฯลฯ รวมถึงเมืองไทย

ค้นพบหลักฐานรูปเหมือนในงานศิลปกรรมตั้งแต่ในสมัยทวาราวดี (ราวปี พ.ศ.1200-1400) ทั้งยังมีนามองค์พญาครุฑอยู่ในพระไตรปิฎกและวรรณคดีในพระพุทธศาสนา สืบเนื่องจากศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกันและรูปแบบพระราชพิธี เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของประเทศอินเดียที่นับถือศาสนาพราหมณ์และบูชาพญาครุฑ ได้เข้ามาแพร่หลายในหลายๆ อาณาจักรโบราณของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เช่น ในเขมรและอาณาจักรทวาราวดีของไทย

และด้วยอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ ที่เชื่อว่าองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นตัวแทนของพระนารายณ์ ที่อวตารลงมายังโลกมนุษย์เพื่อมาปราบทุกข์เข็ญและสร้างความสงบสุขให้ประชาชน ซึ่งองค์พระนารายณ์ทรงมืองค์พญาครุฑที่เป็นตัวแทนซึ่งกันและกัน ทั้งยังเป็นพาหนะขององค์พระนารายณ์ ในเมืองไทยจึงใช้องค์พญาครุฑเป็นสัญลักษณ์แห่งองค์พระมหากษัตริย์ตลอดมา

ดังเช่น ตั้งแต่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ห้า จะเห็นตราพญาครุฑอยู่คู่กับพระองค์ เช่นพระองค์ประทับอยู่พระตําหนักไหนจะมีการอัญเชิญธงมหาราช (รูปองค์พญาครุฑ) อยู่เหนือพระตําหนักนั้น และเมื่อพระองค์เสด็จไปที่ใด จะเห็นธงมหาราชอยู่หน้ารถหรือเรือพระที่นั่งเสมอ ทั้งยังเป็นตราประจําแผ่นดินใช้ในราชการ รวมถึงพระราชทานให้ติดตั้งตามบริษัท ห้างร้าน ธนาคารต่างๆ เพื่อเป็นศิริมงคล และในอดีตเมื่อจะตัดทางทําถนนไปที่แห่งใด เพื่อป้องกันสถานที่ใดที่มีอาถรรพ์แรงหรือมีวิญญาณภูติผีปีศาจรบกวนจะใช้ตราองค์พญาครุฑปักตามทางลบล้างแก้อาถรรพณ์ต่างๆ ได้ดียิ่ง


ประวัติหลวงพ่อวราห์ วัดโพธิทอง

ท่านกําเนิดย่านบางมด เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2504 ในครอบครัวที่บิดาท่านเป็นชาวไทยอิสลาม และมารดา ท่านเป็นชาวไทยพุทธ ฉะนั้นในวัยเยาว์ท่านจึงเปรียบเสมือนนับถือได้ทั้งสองศาสนา จนเมื่อท่านอายุได้ 23 ปี ด้วยความที่ได้ตั้งจิตอธิฐานเอาไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ครอบครัวพี่น้องท่านพ้นจากภัยพิบัติ ซึ่งเมื่อเป็นไปตามที่ได้ให้สัญญาไว้ เมื่อท่านกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น ท่านจึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2528 ณ พัทธสีมาวัดโพธิทอง

หลังจากที่ได้บวชเรียนแล้วด้วยความที่ท่านชอบศึกษาตํารับตํารา ทั้งทางด้านทางธรรมทางวิชาอาคมทางด้านโหราศาสตร์ และได้เดินทางไปธุดงค์ศึกษาวิชาจากหลายๆ ที่ ทั่วเมืองไทยทั้งทางภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ รวมถึงเดินทางไปศึกษาจากประเทศใกล้เคียงเลยไปทั้ง อินเดีย ธิเบต เนปาล ฯลฯ สําหรับอาจารย์ของท่านมีหลายๆ องค์เช่น หลวงปู่ มุจลินทร์มาสอนวิชาทางนิมิตร หลวงปู่ใหญ่ทางภาคอีสาน หลวงปู่เขียนวัดตะคล้อ นครสวรรค์ (ศิษย์หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า) ฯลฯ



มูลเหตุการสร้างพญาครุฑ วัดโพธิทอง

เมื่อหลวงพ่อท่านเดินทางไปธุดงค์เป็นเวลานานหลังจากกลับมาที่วัด ญาติโยมจึงขอร้องให้ท่านประจําอยู่ที่วัดช่วยสงเคราะห์ให้กับญาติโยมที่เดินทางมาหา ซึ่งท่านยังได้สร้างวัตถุมงคลให้ลูกศิษย์ไว้คุ้มครองตัวจนเมื่อปี พ.ศ.2535 ท่านได้ฝันว่ามีพญาครุฑสององค์มาหาบอกว่าท่านอยู่ที่วัดโพธิทองมานาน (วัดโพธิทองสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา) เป็นรูปพญาครุฑเนื้อไม้แกะสลัก ถูกเก็บเอาไว้โดยไม่ได้มีใครสนใจ องค์ที่หนึ่งชื่อองค์พญาครุฑเวสชัยยัน (รูปแบบองค์ล้างอาถรรพ์) เป็นองค์พญาครุฑที่มีฤทธิ์มาก มีทรัพย์เงินทองมากมาย องค์ที่สองชื่อองค์พระยาสุบรรณ (รูปแบบองค์โคตรรวย) มีร่างกายเป็นทองคําสง่างามมีฤทธิ์มากและมีทรัพย์มากเช่นกันทั้งสององค์ได้มาแนะนําให้ท่านสร้างองค์พญาครุฑเพื่อให้ประชาชนนําไปบูชาเพื่อเป็นศิริมงคลและสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัดโพธิทอง หลังจากที่ท่านได้ศึกษารูปแบบทั้งยังเน้นให้ด้านหลังต้องมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ห้า จึงได้ขอพระบรมราชานุญาตจัดสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2537 มีสองลักษณะรูปแบบคือ

  1. องค์พญาครุฑรุ่นล้างอาถรรพ์
  2. องค์พญาครุฑรุ่นโครตรวย




ทั้งสองรุ่นจะมีลักษณะคล้ายกันแตกต่างกันตรงที่รุ่นล้างอาถรรพ์ จะมีใบหน้าที่ดุดันและใหญ่กว่า ส่วนองค์รุ่นโครตรวยหัวเข่าองค์พญาครุฑจะนูนสูงกว่า มีขนาดเล็กและบางกว่าเล็กน้อย ลักษณะองค์ครุฑทั้งสองแบบจะเป็นรูปแบบครุฑกางปีกที่เรียกว่าครุพพ่าห์ ด้านหลังจะเป็นรูปองค์พ่อ รัชกาลที่ห้าหันข้างมียันตร์พญาครุฑขนาบซ้ายขวา ด้านล่างรูปเสด็จพ่อจะมีคําว่าวัดโพธิทองและล่างสุดคือคําว่าร.5 สําหรับจํานวนการจัดสร้างทั้งสอง รูปแบบมีดังนี้

  1. เนื้อทองคํา มีรูปแบบละไม่เกินสองร้อยกว่าองค์
  2. เนื้อเงิน มีรูปแบบละพันกว่าองค์ ทั้งยังมีประเภทเงินลงยา ไม่เกินหนึ่งร้อยองค์
  3. เนื้อนวโลหะ มีเฉพาะรุ่นล้างอาถรรพ์ไม่เกินหนึ่งร้อยองค์
     

หลังจากนั้นมีพิธีพุทธาภิเษก โดยหลวงพ่อวราห์ซึ่งในวันทําพิธีได้ปรากฏเหตุการณ์อันน่ามหัศจรรย์เป็นที่กล่าวขวัญของประชาชนที่มาร่วมงานเสมือนองค์พ่อพญาครุฑท่านได้ลงมาร่วมรับรู้ในการปลุกเสกครั้งนี้ และวันแรกในพิธี ลูกศิษย์ได้เช่าเนื้อทองคําที่ยังไม่ได้ตอกโค๊ดไปจํานวนหนึ่งและหลังจากวันนั้นทางคณะกรรมการวัดจึงได้นําโค๊ดรูป ว.รัศมีดาวกระจาย (ว.หมายถึง ชื่อย่อของหลวงพ่อวราห์ และรัศมีดาวกระจายแทนพระอาทิตย์ซึ่งพญาครุฑเปรียบได้กับพระอาทิตย์ด้วย) ตอกลงด้านหลังองค์พญาครุฑทั้งสองรุ่นแต่เนื้อนวโลหะมิได้ตอกโค๊ดเพราะเนื้อแข็งมากตอกไม่ได้


ปัจจุบันทั้งสองรูปแบบที่เป็นรุ่นแรก ได้รับความนิยมเป็นที่ต้องการของบรรดาลูกศิษย์ ทําให้มีราคาสูง และหาได้ยาก ซึ่งด้วยพุทธคุณเป็นที่กล่าวขานของผู้ที่ได้บูชาและบารมีการปลุกเสกจากหลวงพ่อวราห์ ทุกวันนี้ท่านยังทํานุบํารุงพุทธศาสนาสร้างความเจริญรุ่งเรืองขยายอาณาเขตให้กับวัดโพธิทอง ส่งเสริมการศึกษาให้กับลูกหลานชาวบ้าน ทั้งโรงเรียนภายในวัดและวัดกับโรงเรียนภายนอก อีกหลายๆ สิบแห่ง ทั่วประเทศไทย


คาถา และ วิธีบูชาองค์พญาครุฑ

ตั้งนะโมสามจบ แล้วต่อด้วย


"คะรุญจะ กิติมันตัง มะอะอุ

โอมพญาครุฑ รุจ รุจ แล้วรวย
นะได้เงิน นะได้ทอง นะได้ทรัพย์
นะเมตตา นะล้างอาถรรพ์ นะมั่งคง นะเจริญ อธิฐามิ"


 

สุดท้ายนี้ ขอย้ำว่าการบูชาองค์พญาครุฑไม่มีข้อห้ามใดๆ และบูชาได้ทุกๆ ปีเกิดขอเพียงกตัญญูต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์พญาครุฑจะให้พลังสําเร็จสมประสงค์ในสิ่งที่หวังแคล้วคลาดจากเภทภัย ร่ํารวยเงินทอง เต็มไปด้วยบารมี เป็นที่รักใคร่ของผู้คน ฯลฯ


ขอขอบคุณ พี่สัญ (สุรีย์ค้าไม้) และทุกๆ ท่าน ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลและรูปภาพ