แม็กกาซีนพระ บทความและสาระความรู้

หลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา (วัดคฤหบดีสงฆ์) จังหวัดกำแพงเพชร
25 มีนาคม 2563    8,964

หลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา (วัดคฤหบดีสงฆ์) จังหวัดกำแพงเพชร

โดย ศาล มรดกไทย
 

เครื่องรางของขลังประเภท ตะกรุดหน้าผากเสือ หรือ แผ่นหนังเสือลงอักขระยันต์ นับเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยม เป็นที่เชื่อถือมานานด้วยมีพระเกจิอาจารย์เก่งๆ หลายๆ องค์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้สร้างเอาไว้ให้ศิษย์ติดตัวเพื่อป้องกันภัย ดังเช่น หนังเสือของท่านเจ้าคุณพระวิบูลวชิรธรรม (สว่าง) วัดคฤหัสบดีสงฆ์ (วัดท่าพุทรา) พระอาจารย์ชื่อดังเพียงไม่กี่องค์แห่งเมืองกําแพงเพชร จังหวัดอันเป็นต้นกําเนิดของพระกรุลานทุ่งเศรษฐี เช่นพระกําแพงซุ้มกอ พระลีลาเม็ดขนุน ฯลฯ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นหนึ่งในชุดพระเครื่องเบญจภาคีของเมืองไทย

สําหรับ หลวงพ่อสว่าง ท่านไม่เพียงแต่โด่งดังทางเครื่องรางหนังเสือเท่านั้นเหรียญรุ่นนิยมที่เรียกว่า “เหรียญปลอดภัย” ยังถูกจัดให้เป็นเหรียญราคาหลักแสนของเมืองกําแพงเพชร ที่นับวันจะได้รับความนิยมมีสนนราคาสูงขึ้นตลอดมา

หลวงพ่อสว่าง ท่านถือกําเนิดที่บ้านน้ำหัก ตําบลท่างิ้ว อําเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ในวันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2426 เป็นบุตรของขุนเจริญสวัสดิ์ กับนางหอม (ภรรยาคนที่สองของท่านขุน) เมื่อเกิดได้เพียง 5 วัน มารดาของท่านก็ได้เสียชีวิตลง จึงได้มารดาเลี้ยง (ภรรยาคนแรกของท่านขุน) ดูแลและให้ความเอ็นดูรักใคร่ดังลูกแท้ๆ พอเติบโตที่จะอ่านเขียนได้ บิดาของท่านเป็นผู้สอนการเขียนอ่านเบื้องต้นให้

หลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา

จนเมื่อท่านมีอายุได้ 13 ปี บิดาของท่านได้ถึงแก่กรรม มารดาเลี้ยงอยากให้หลวงพ่อได้มีความรู้ที่สูงขึ้น จึงนําตัวไป ฝากเรียนกับพระครูบรรพโตปมญาณ (เผือก) วัดหัวดงเหนือ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งในยุคสมัยนั้น วัดหัวดงเหนือเป็นสํานักเรียนที่มีชื่อเสียง โดยหลวงพ่อเผือกท่านได้เมตตาสอนทั้งการศึกษาในขั้นสูงกว่าเดิม รวมถึงเล่าเรียนอักขระขอม มูลกัจจายน์ในชั้นต้น ทั้งยังสอนการนั่งวิปัสนาวิชาอาคมควบคู่ไปด้วย

เมื่อหลวงพ่อสว่างมีอายุครบบวช มารดาเลี้ยงของท่านได้ปรึกษากับหลวงพ่อเผือก และได้นําท่านไปบวชเรียนศึกษาวิชาทางด้านพระพุทธศาสนาให้สูงขึ้น จึงเดินทางไปที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และได้อุปสมบทในวันพุทที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2445 ณ พัทธสีมาวัดขุนญาณ ตําบลคลองเมือง อําเภอกรุงเก่า โดยมีพระญาณไตรโลกย์ (สะอาด) วัดศาลาปูนเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “อุตตโร”

หลังจากบวชเป็นพระภิษุสงฆ์ ท่านได้ติดตามไปอยู่รับใช้และร่ำเรียนกับพระอุปัชฌาย์ที่วัดศาลาปูนจนครบสองปี ท่านจึงได้เดินทางกลับไปอยู่ที่วัดหัวดงเหนือ ด้วยความที่ท่านมีความชอบในการศึกษา รวมถึงมีใจรักในการร่ำเรียนในวิชาอาคม ท่านจึงได้เดินทางไปอยู่วัดต่างๆ อีกหลายแห่ง และยังธุดงค์ไปเรียนวิปัสนากรรมฐานกับพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคสมัยนั้นหลายๆ องค์

จนเมื่อท่านบวชเรียนได้ 10 พรรษา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดท่างิ้ว อําเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งหลวงพ่อได้ก่อสร้างวัดที่มีความชํารุดทรุดโทรม ให้เจริญรุ่งเรืองและยังตั้งเป็นโรงเรียนสอนวิชาศาสนศึกษาให้พระภิกษุ สามเณร นับเป็นสํานักเรียนแห่งแรกของอําเภอบรรพตพิสัยนี้เลยทีเดียว

ถึงปี พ.ศ.2468 หลวงพ่อได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ และอีกสองปี พ.ศ.2470 ได้รับสมณศักดิ์ที่ “พระครูวิบูลวชิรธรรม” เป็นเจ้าคณะอําเภอขาณุวรลักษบุรีและกิ่งอําเภอแสนตอ จังหวัดกําแพงเพชร

ตลอดเวลาที่ปกครองวัดท่านเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นพระอาจารย์ที่มีความเมตตาต่อศิษย์ทุกคนอย่างไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่ว่าใครจะนิมนต์ไปไหนท่านไม่เคยขัด รวมถึงปกครองวัดในอําเภอที่ต้องดูแลเป็นอย่างดี

จนถึงปี พ.ศ.2500 คณะสงฆ์จากอําเภอคลองขลุงและประชาชนชาวตําบลท่าพุทรา ได้พร้อมใจกันนิมนต์ให้หลวงพ่อมาเป็นเจ้าอาวาสวัดคฤหัสบดีสงฆ์ (วัดท่าพุทรา) เพื่อที่จะได้ช่วยบูรณะวัดแห่งนี้ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา และมีสภาพชํารุดทรุดโทรมมาก เมื่อหลวงพ่อรับนิมนต์และได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าพุทรา ท่านจึงเริ่มบอกบุญเรี่ยไรศิษย์ที่เคารพนับถือ หลวงพ่อช่วยกันสร้างบูรณะวัดจนมีความเจริญรุ่งเรืองก่อตั้งสํานักเรียนทางพุทธศาสนา สร้างศาลาการเปรียญ พระอุโบสถ ฯลฯ และทําถนนหนทางให้เดินทางมาวัดสะดวก

จนถึงปี พ.ศ.2501 หลวงพ่อได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ “พระวิบูลวชิรธรรม” เป็นเจ้าคณะ อําเภอคลองขลุง จังหวัดกําแพงเพชร หลวงพ่อสว่างท่านเป็นพระที่สุขภาพแข็งแรงมีอายุยืนยาว

จนถึงต้นปี พ.ศ.2520 ท่านได้เริ่มป่วยไข้ต้องเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกําแพงเพชรโดยไปๆ มาๆ ระหว่างวัดกับโรงพยาบาลเป็นประจํา จนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2520 เวลา 14.30 หลวงพ่อได้มรณภาพอย่างสงบที่โรงพยาบาล รวมสิริอายุได้ 94 ปี 7 เดือน 74 พรรษา

ฉบับ 136-เหรียญหลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา

ด้วยความที่ท่านชื่นชอบใฝ่หาความรู้รวมถึงศึกษาวิชาอาคมกับพระเกจิอาจารย์ในยุคสมัยนั้นหลายๆ องค์ ทําให้ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ องค์หนึ่งที่สร้างวัตถุมงคลหลากหลายชนิด เช่น ตะกรุด หนังเสือจารยันต์ พระผงผสมมวลสาร เหรียญ ฯลฯ ล้วนได้รับความนิยม โดยเฉพาะหนังเสือลงยันต์พญาเต่าเรือน ซึ่งเป็นวิชาที่หลวงพ่อได้รับถ่ายทอดมาจากพระวิเชียรโมลี (ปลั่ง) วัดคูยาง (พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดองค์หนึ่งของจังหวัดกําแพงเพชร) โดยจะเป็นหนังเสือที่นิยมใช้ส่วนที่เป็นหน้าผากเสือลงจารย์ยันต์ด้วยหมึกดําและหมึกสีน้ำเงิน และมีพุทธคุณสูงทางมหาอํานาจ เมตตามหานิยม รวมถึงทางด้านคงกระพันชาตรี เป็นเครื่องรางที่ทําให้หลวงพ่อมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างยิ่ง

สําหรับ พระเครื่องเนื้อผงผสมมวลสาร ท่านสร้างตั้งแต่อยู่ที่วัดท่างิ้ว และยังสร้างแจกที่วัดท่าพุทราหลายๆ พิมพ์ ในบรรดาวัตถุมงคล ของหลวงพ่อที่ได้รับความนิยมและมีราคาสูงที่สุดคือ เหรียญรุ่นปลอดภัยที่สร้างในปี พ.ศ.2510 ซึ่งก่อนหน้านั้นมีการสร้างเหรียญของหลวงพ่อมาแล้วสองรุ่น แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าเหรียญรุ่นปลอดภัย เพราะเหตุที่หลวงพ่อท่านเป็นพระที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ เวลาท่านแจกเหรียญรุ่นนี้ท่านจะให้พรลูกศิษย์ให้ปลอดภัยและเป็นจริงดังที่หลวงพ่อให้พรไว้ โดยเป็นเหรียญที่มีประสบการณ์สูงจึงได้รับความนิยมตลอดมา

สําหรับ เหรียญรุ่นนี้ สร้างเป็นเนื้ออัลปาก้า ทั้งหมดไม่มีเนื้ออื่น ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อครึ่งองค์ข้างบนเขียนว่า “ที่ระฤก ปลอดภัย”ด้านล่างเป็นชื่อหลวงพ่อ “พระวิบูลวชิรธรรม (อุตตโร) ด้านหลังเหรียญเป็นยันต์และเขียนวันที่ “26 เม.ย. 2510” เอาไว้ที่ด้านล่าง ด้วยเป็นเหรียญรุ่นที่นิยมและหมดไปจากวัดอย่างรวดเร็วทําให้ทางวัดนําแม่พิมพ์เดิมมาสร้างเสริมภายหลังขึ้นอีกครั้งโดยมีพุทธคุณที่ดีเด่นเหมือนเดิมเพียงแต่ได้รับความนิยมน้อยกว่าเหรียญที่สร้างครั้งแรกเป็นอย่างมาก


จุดที่พิจารณาแยกได้ชัดเจนคือเหรียญเสริมด้านหน้าคําว่า “ที่ระฤก”สระอะ จะติดไม่ชัดเจนเท่าเหรียญที่สร้างครั้งแรก และด้านหลังตรงขอบพื้นเหรียญมุมบนขวามือจะเกิดรอยเม็ดกลากผุดขึ้นมาซึ่งเหรียญที่สร้างครั้งแรกจะไม่มีเม็ดกลากเหล่านี้

เหรียฐหลวงพ่อสว่าง
หลวงพ่อสว่าง วัดคฤหัสบดีสงฆ์ (วัดท่าพุทรา) ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อันดับต้นๆ ของเมืองกําแพงเพชร เป็นที่นับถือของประชาชนทั่วทั้งประเทศ ด้วยท่านเป็นพระที่มีความเมตตาสูงวัตถุมงคลทุกๆ รุ่นล้วนมีพุทธคุณเป็นที่เชื่อถือ โดยเฉพาะหนังเสือและเหรียญรุ่นปลอดภัยของท่านถ้าได้บูชาติดตัว คู่กันนับเป็นวัตถุมงคลล้ําค่าสมดังคํากล่าวที่หลวงพ่อให้พรเอาไว้โดยแท้