เหรียญหล่อพระพุทธ พิมพ์สามเหลี่ยม หลวงพ่อรุ่ง (พระครูไพโรจน์วุฒาจารย์) วัดท่ากระบือ

21 เมษายน 2563    11,028

เหรียญหล่อพระพุทธ พิมพ์สามเหลี่ยม หลวงพ่อรุ่ง (พระครูไพโรจน์วุฒาจารย์) วัดท่ากระบือ
 

โดย ศาล มรดกไทย

พระครูไพโรจน์วุฒาจารย์ (หลวงพ่อรุ่ง) วัดท่ากระบือ พระเกจิชื่อดังอันดับต้นๆ ของเมืองสมุทรสาคร เจ้าของเหรียญปั้มพิมพ์หน้าแก่อันขึ้นชื่อทั้งราคา พุทธคุณและความหายาก ในบรรดาวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังทั้งหมดที่หลวงพ่อได้สร้างปลุกเสกเอาไว้ เหรียญหล่อพระพุทธพิมพ์สามเหรียญ นับเป็นพระเครื่องประเภทหล่อโบราณเพียงชนิดเดียวที่ท่านได้ทําเอาไว้ (ก่อนหน้านั้นมีการสร้างพระปิดตาพิมพ์ยันต์ยุ่งเนื้อโลหะแต่ไม่เป็นที่แพร่หลาย) นับวันจะมีมูลค่าในความนิยมที่สูงขึ้น ด้วยพุทธคุณเป็นที่เชื่อถือมานาน ประวัติการสร้างชัดเจน ที่สําคัญเป็นเหรียญหล่อที่ชาวสมุทรสาคร มักนิยมนํามาบูชาติดตัวคู่กับหรียญหล่อหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน พิมพ์สามเหลี่ยมพนมมือสมฉายา (รอด- รุ่ง) ที่เป็นที่เชื่อถือมาช้านาน

ประวัติ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ

หลวงพ่อรุ่งท่านเป็นชาว ตําบลหนองนกไข่ อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ถือกําเนิดในปี พ.ศ.2416 เมื่อเติบโตบิดาจึงส่งไปอยู่กับหลวงพ่อทับ วัดน้อยนพคุณ ในกรุงเทพฯ เพื่อศึกษาเล่าเรียน โดยท่านติดตามรับใช้พระอาจารย์จนมีอายุครบบวช

ในปี พ.ศ.2437 จึงบวชเป็นพระภิกษุที่วัดน้อยนพคุณ มีหลวงพ่อทับเป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอธิการบัว วัดใหม่ทองเสน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ติสสโร” เมื่อหลวงพ่อบวชได้เพียงสองวันท่านได้ย้ายกลับมาที่บ้านเกิดโดยมาอยู่ที่สํานักสงฆ์ท่ากระบือ ซึ่งเป็นสํานักสงฆ์ที่สร้างขึ้นมาเพียง 7 ปี มีพระภิกษุร่วมพันธ์ชาตรีปกครองดูแล

เมื่อหลวงพ่อรุ่งมาอยู่ได้เพียงไม่นานในปีนั้นเอง พระภิกษุร่วมได้ขอลาสิกขาบท ทําให้หลวงพ่อรุ่งจึงรับตําแหน่งหัวหน้าสํานักสงฆ์ หลังจากนั้นอีก 5 ปี ด้วยความนับถือของชาวบ้านและหลวงพ่อก่อสร้างสํานักสงฆ์จนขยายใหญ่โตขึ้น จึงได้รับการยกฐานะเป็นวัดท่ากระบือตั้งแต่ปี พ.ศ.2442

ตลอดเวลาหลวงพ่อได้ทําการพัฒนาวัดด้วยดีตลอดมา ควบคู่กับการธุดงค์ศึกษาหาความรู้ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งยังเดินทางไปศึกษาวิชาอาคมกับพระเกจิอาจารย์หลายๆ องค์ เช่น พระอาจารย์เกิด วัดกําแพง หลวงปู่เส่ง วัดหงษ์อรุณรัศมี หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่นาค วัดสุนทรสถิตย์ หลวงพ่อทับ วัดทอง รวมถึงฆราวาสที่มีอาคมแกร่งกล้าอีกหลายๆ ท่าน ที่สําคัญหลวงพ่อรุ่งมักเดินทางไปกราบหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เป็นประจํา ซึ่งน่าจะมีการไปขอศึกษาวิชาเพิ่มเติมจากหลวงปู่บุญเป็นแน่

ในระยะหลังๆ ที่ท่านมีอายุมากขึ้น ทั้งยังต้องดูแลการก่อสร้างในวัดให้กว้างขวางกว่าเดิมท่านจึงมิได้ออกธุดงค์และปกครองวัดด้วยดี จนได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูชั้นประทวน เจ้าคณะอําเภอกระทุ่มแบน พระครูไพโรจน์มันตาคม และสุดท้ายได้เป็นพระราชาคณะที่พระไพโรจน์วุฒาจารย์ ตามลําดับ ตลอดเวลาท่านจะกล่าวกับศิษย์ที่ใกล้ชิดว่าท่านจะมีอายุได้ไม่เกินปี พ.ศ.2500 และเมื่อถึงวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2500 หลวงพ่อจึงได้มรณภาพอย่างสงบที่วัดท่ากระบือตามที่ท่านได้เคยกล่าวไว้นั่นเอง

ในสมัยที่หลวงพ่อปกครองวัด ท่านได้ทําวัตถุมงคลให้ศิษย์เอาไว้คุ้มครองติดตัวหลายชนิดส่วนมากจะเป็นตะกรุดหลายๆ แบบกระดอนสะท้อน (ทําจากไม้คล้ายลูกสะกด) แหวนพิรอด เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ ซึ่งในบรรดาวัตถุมงคลทั้งหมดที่ได้รับความนิยมสูงสุด จะเป็นเหรียญรูปเหมือนท่านรุ่นแรกที่สร้างในปี พ.ศ.2484 และรุ่นต่อๆ มาล้วนได้รับความนิยม เพราะในอดีตหลวงพ่อมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเป็นที่รู้จัก

เวลามีงานพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ๆ มักจะมีชื่อของหลวงพ่อรุ่งไปร่วมงานด้วยทุกครั้ง ซึ่งท่านอยู่ในยุคสมัยเดียวกับหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน หลวงพ่อคง วัดบางกะพร้อม หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ และอีกหลายๆ รูปในยุคสงครามอินโดจีน สําหรับเหรียญหล่อพระพุทธ พิมพ์สามเหลี่ยม เป็นพระแบบหล่อโบราณสร้างประมาณปี พ.ศ.2485-2491 บางท่านว่าน่าจะสร้างในปี พ.ศ.2487 เป็นที่ระลึกในการหล่อพระประธานในโบสถ์ โดยมีเพียงเนื้อทองเหลืองผสมชนิดเดียว ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธปางสมาธิ (เหมือนพระประธานในโบสถ์) นั่งอยู่บนฐานบัวสองชั้น ด้านหลังเป็นอักขระยันต์ที่หลวงพ่อกําหนดให้เป็นการหล่อแบบโบราณมีก้านช่อชนวน ส่วนมากจะเก็บงานด้วยการตะไบเนื้อเกินอย่างเรียบร้อย ไม่สามารถระบุจํานวนการสร้างได้ แต่คงมีจํานวนไม่มากนัก

พุทธคุณในพระเครื่องของหลวงพ่อรุ่งเป็นที่เชื่อถือว่าเด็ดขาดนัก ทั้งทางมหาอุด คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม ค้าขายรุ่งเรือง แม้กระทั่ง ผ้ายันต์จันทร์เพ็ญของท่านก็ถือว่าบูชาแล้วการงานจะเจริญรุ่งเรืองเป็นเจ้าคนนายคน ขนาดหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ศิษย์เอกที่เรียนวิชากับ หลวงพ่อรุ่งยังกล่าวยกย่องพระอาจารย์ของท่านว่าเก่งจริง มีวิชาอาคมสูง ซึ่งปรากฏอยู่ในความมหัศจรรย์ในด้านพุทธคุณของพระเครื่องหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือนั่นเอง

พระเครื่องล้ำค่า ปีที่ 13 ฉบับ 155 กรกฎาคม 2558 หน้า 30-31